เรื่อง แนวคิดประชารัฐเพื่อความยั่งยืนเกษตรไทย
ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำปะทุขึ้นจากปัจจัยหลายประการ อาทิ เศรษฐกิจคู่ค้าและประเทศผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีนที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ของไทย จนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ต้องปรับลดประมาณการเศรษฐกิจจีนเหลือเพียง ๖ เปอร์เซ็นต์จากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะโต ๗-๘ เปอร์เซ็นต์, ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดต่ำลงเหลือ ๒๐ เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานภาคเกษตรอ่อนแอ ปัญหาภัยแล้งส่งผลให้คนไทยยากจนเพิ่มขึ้น
จากการประเมินตามแผนพัฒนาการเกษตร ฉบับที่ ๑๑ พบว่า ผ่านมา ๕ ปีในช่วงแผนฯ ๑๑ (๒๕๕๕-๒๕๕๙) รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น ๑๐ เปอร์เซ็นต์ หนี้สินเพิ่มขึ้น ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีความเห็นว่าเกษตรกรต้องปรับตัวเพื่อให้หลุดพ้นความยากจน ต้องให้เกิดความร่วมมือของไตรภาคีประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนร่วมกันพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งประชารัฐเป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเพื่อความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย ในปัจจุบันและต่อไปในอนาคตภาคเอกชนมีบทบาทเป็นผู้นำพัฒนาประเทศ มีความเข้มแข็งกว่าทุกภาคส่วน ให้ความช่วยเหลือกับภาครัฐและเกษตรกรด้านเทคโนโลยีการผลิต การจัดหาเครื่องมือทำการเกษตรที่ทันสมัย ประชารัฐจะเดินหน้าได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากตัวเกษตรกรเอง สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และธนาคารที่เป็นเครื่องมือและกลไกของรัฐ
นายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานคณะกรรมการด้านยกระดับนวัตกรรมและเพิ่มผลิตภาพ มองว่ากระบวนการจัดการฟาร์มของไทยยังล้าสมัย การพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย เกษตรกรต้องปรับตัวไม่ยึดติดกับการเกษตรแบบเดิมเนื่องจากสภาพภูมิอากาศ การค้าของโลก และความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ในขณะที่แรงงานในภาคเกษตรปรับลดลงอย่างต่อเนื่องและส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ รายได้ครัวเรือนไม่พอกับค่าใช้จ่าย แม้เกษตรกรจะเป็นกลุ่มประชากรจำนวนมากถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ แต่สร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรือจีดีพีได้เพียง ๑๐ เปอร์เซ็นต์
นายกานต์กล่าวอีกว่า เกษตรสมัยใหม่ต้องมีการใช้เครื่องจักร เทคโนโลยีเข้าช่วย และเป็นส่วนหนึ่งที่จะดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้เข้าสู่ภาคการเกษตรมากขึ้น แต่ต้องรวมแปลงพื้นที่ปลูกพืชให้ใหญ่ขึ้น ผลิตสินค้าชนิดเดียวกัน และผลิตตามความต้องการของตลาด ช่วยขจัดปัญหาสินค้าล้นตลาด และสามารถกำหนดคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานเท่าเทียมกัน ซึ่งหากปฏิบัติตามได้จะเป็นเกษตรมืออาชีพที่มีองค์ความรู้ ส่งผลให้สัดส่วนภาคเกษตรในจีดีพีเพิ่มขึ้น ๒๐ เปอร์เซ็นต์.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|