เรื่อง โรคไข้ซิกากับมาตรการการป้องกัน
สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายพื้นที่มีอากาศหนาวเย็นร่วมกับมีฝนตก หลายคนอาจปรับตัวไม่ทัน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้ง่าย
ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ พบผู้ป่วยจากอากาศเปลี่ยนแปลง ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ พบผู้ป่วย ๑,๙๓๖ คน ไม่มีผู้เสียชีวิต ปอดบวม พบผู้ป่วย ๖,๔๐๗ ราย เสียชีวิต ๕ ราย ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งให้โรงพยาบาล ทุกแห่งดูแลรักษาผู้ป่วยตามมาตรฐานการรักษา และป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนที่จะตามมาหลังการป่วย
นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างเช่น โรคไข้ซิกา ซึ่งกรมควบคุมโรคได้หารือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเฝ้าระวัง โรคไข้ซิกานี้พบผู้ป่วยในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๕ และจากการที่มีข่าวเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไต้หวันเฝ้าระวังและตรวจพบชายไทยขณะกำลังเดินทางสู่ประเทศไต้หวันมีเชื้อซิกาที่กำลังระบาดในหลายประเทศ ในแถบลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ประชุมปรึกษาหารือผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคไข้ซิกา เพื่อเตรียมการเฝ้าระวังและหารือมาตรการป้องกัน
สถานการณ์โรคไข้ซิกา พบในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ กระจายทั่วทุกภาค และมีผู้ป่วยยืนยันเฉลี่ยปีละ ๕ ราย สาเหตุหลักเกิดจากโดนยุงลายที่มีเชื้อไวรัสซิกากัด สำหรับช่องทางการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น การแพร่ผ่านการถ่ายเลือด แพร่จากมารดาที่ป่วยสู่ทารกในครรภ์
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคได้เตรียมมาตรการป้องกัน เตรียมการเฝ้าระวังโรคใน ๔ ด้านสำคัญคือ
๑. การเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา
๒. การเฝ้าระวังทางกีฏวิทยา
๓. การเฝ้าระวังทารกแรกเกิดที่มีความพิการแต่กำเนิด
๔. การเฝ้าระวังกลุ่มอาการทางระบบประสาท
โรคไข้ซิกายังไม่มีวัคซีนและยารักษาเฉพาะ ต้องรักษาตามอาการ การป้องกัน คือ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและป้องกันไม่ให้ยุงกัดด้วยการนอนในมุ้งหรือทายากันยุงซึ่งเป็นการป้องกัน ควบคุมโรคเช่นเดียวกับไข้เลือดออก หากมีไข้ มีผื่น ตาแดง หรือปวดข้อ อาจมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ได้ ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ยกเว้น ในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งอาจทำให้เด็กทารกที่คลอดมามีสมองเล็กหรือมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ แนะนำให้รับประทานยาพาราเซตามอล ห้ามรับประทานยาแอสไพรินหรือยากลุ่มลดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพราะมียาบางชนิดเป็นอันตราย สำหรับการเป็นโรคนี้ อาจทำให้เลือดออกในอวัยวะภายในได้ง่ายขึ้น
คำแนะนำสำหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศที่มีการระบาดของโรคไข้ซิกา (ประเทศในแถบลาตินอเมริกาและแคริบเบียน) ขอให้ผู้เดินทางระมัดระวังป้องกันไม่ให้ ยุงกัด โดยสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวให้มิดชิด และใช้ยาทาป้องกันยุงกัด หากเป็นหญิงตั้งครรภ์ ก่อนเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรคควรปรึกษาแพทย์ ส่วนผู้เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาด รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ในประเทศไทย หากมีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง หรือปวดข้อ สามารถรับการรักษาและปรึกษาได้ที่คลินิก เวชศาสตร์การท่องเที่ยวและการเดินทาง สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และสามารถรับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง
โดย ธนัชพร ถ้ำสิงห์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|