เรื่อง การพัฒนาเกษตรสมัยใหม่
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานด้านการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ กล่าวว่า เกษตรสมัยใหม่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลในการปฏิรูปการเกษตรใหม่นั้น ต้องนำเครื่องจักรกลเข้ามาช่วยมากขึ้นในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตทั้งนี้ ผลผลิตนั้นต้องมีคุณภาพมาตรฐาน และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยเริ่มนำร่องในสินค้าหลักที่ไทยส่งออกเป็นลำดับต้น ๆ คือ ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา เป็นต้น
การใช้เครื่องจักรในภาคการเกษตรของไทย มีปัญหาคือ ขนาดฟาร์มยังมีขนาดเล็กเกินไป การหมุนวกกลับของรถไถบ่อย ๆ ทำให้เครื่องจักรเสียง่ายต้องเสียเวลาซ่อมบำรุงรักษา ดังนั้น เกษตรกรต้องรวมแปลงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถทำได้ในรูปของสหกรณ์ โดยมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน เมื่อได้แปลงปลูกพืชขนาดใหญ่แล้ว การปรับพื้นที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ปัจจุบันมีสัญญาณดาวเทียมจีพีเอสที่ต่างประเทศใช้คุมการจัดแถวแปลงพืช ใช้เครื่องจักรในการหว่าน ไม่ทับเมล็ดพืชที่โรยไว้ สามารถควบคุมอัตราเติบโตของแปลงพืชได้ มีการกำหนดระยะเวลาการให้ปุ๋ย ให้น้ำ เก็บเกี่ยวในระยะเวลาใกล้เคียงกันเพื่อให้ง่ายต่อการบรรจุส่งเข้าโรงงานที่ผูกพันสัญญาไว้ ทำให้เกษตรกรรู้จักการวางแผน และมีรายได้เป็นที่น่าพอใจ
ปัจจุบันการปลูกข้าวในพื้นที่แปลงใหญ่ที่ จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นเขตชลประทาน ได้ผลผลิตถึงไร่ละ ๑.๒ ตัน อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการเกษตรจำเป็นต้องต่อยอดจากเทคโนโลยีที่มีอยู่ เพราะการนำเข้าเครื่องจักรที่มีราคาสูง จึงยากที่จะอาศัยการลงทุนจากภาครัฐ ในส่วนรูปแบบการรวมแปลงเพื่อปลูกพืชร่วมกัน เช่น ปลูกร่วมในแปลงปลูกอ้อยโดยนำสัญญาณจีพีเอสดาวเทียมมาใช้ การปลูกอ้อยและพืชอื่นในแปลงเดียวกันนั้นทำให้ต้นทุนของเกษตรกรลดลง เช่น ลดการใช้ปุ๋ยหรือยาฆ่าหญ้า การปลูกพืชโดยใช้พื้นที่แปลงใหญ่หรือการรวมแปลงปลูกนั้น เอกชนพร้อมจะเร่งขยายการลงทุน หากได้รับเงินทุนสนับสนุน
การพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ถือเป็นแนวคิด หากได้นำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมทั่วประเทศ จะช่วยยกระดับการดำรงชีพของเกษตรกรไทยให้สามารถลืมตาอ้าปากได้ โดยอาศัยภาคเอกชนเข้ามาช่วยสนับสนุนในด้านปัจจัยการผลิต การใช้เครื่องจักรกลในการไถหว่าน การเตรียมดิน ให้สารบำรุงดิน และแหล่งน้ำที่ใช้ปลูกพืช เป็นต้น.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|