เรื่อง การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว
การสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตได้อย่างยั่งยืนด้วยการกระจายรายได้สู่ชุมชนหรือฐานรากของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นส่วนหนึ่งในการตอบโจทย์นโยบายประชารัฐของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการสร้างรายได้ให้กับชุมชน หนุนเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างมั่งคั่ง ยั่งยืน
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. เดินหน้าผลักดัน ๖ พื้นที่ ได้แก่ เกาะช้าง, พัทยา, อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร, เลย, น่าน และเมืองโบราณอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โดยทยอยประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ รูปแบบการพัฒนามีความหลากหลายในการเลือกใช้เครื่องมือการบริหาร จัดการด้านสิ่งแวดล้อม ลดใช้พลังงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน ส่งเสริมอัตลักษณ์สินค้าทางการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน พ.อ.นาฬิกอติภัค แสงสนิท ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว เล่าว่า อพท.อยู่ระหว่างจัดเก็บข้อมูลการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษ เพื่อชี้วัดว่าการท่องเที่ยวสามารถหมุนเงินเข้าสู่ชุมชนได้แท้จริง พร้อมนำมาปรับกลยุทธ์ส่งเสริมให้ตรงจุด ซึ่งภารกิจดังกล่าวมุ่งให้ใกล้ชิดคนในชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้รู้ถึงจุดอ่อน-จุดแข็งแต่ละพื้นที่ ที่ผ่านมาการบริหารจัดการส่งเสริม ๖ พื้นที่พิเศษ พบว่า คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ฐานรายได้ยังน้อย ทำให้ภาพรายได้รวมต่ำ ด้านการสำรวจพื้นที่พิเศษ พบว่า คนในชุมชนมีดัชนีความสุขอยู่ที่ ๗๔.๒๙ เปอร์เซ็นต์มีความสุขมากขึ้น มีทัศนคติที่ดี รวมถึงสร้างงานให้กับคนท้องถิ่น สำหรับแนวทางการสนับสนุนให้เกิดประชารัฐ ที่ผ่านมารายได้การท่องเที่ยวกระจุกตัวเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการระดับกลาง และกลุ่มขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) แต่ยังเข้าไม่ถึงฐานรากแท้จริง อย่างไรก็ตาม หากรัฐสามารถส่งเสริมให้เกิดรายได้การท่องเที่ยวสู่ฐานรากได้แท้จริง จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะมีเงินสะพัดเข้าสู่ท้องถิ่น
ในปี ๒๕๕๙ อพท.เตรียมเสนอพื้นที่หัวหิน-ชะอำ และเชียงแสนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาประกาศเป็นพื้นที่พิเศษเพิ่มเติม ขณะที่แผนยุทธศาสตร์การทำงานระยะ ๕ ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เตรียมสำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพต่อเนื่องอีก ๑๐ แห่ง เช่น กลุ่มวัฒนธรรมล้านนา, พื้นที่ภาคเหนือตอนบน เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, อ.เชียงแสน เชียงราย, อ.ปาย แม่ฮ่องสอน เป็นต้น โดยพื้นที่ดังกล่าวได้คัดเลือกจากการสำรวจพื้นที่ทั้งหมด ๔๐ แห่งทั่วประเทศ มุ่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วน ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนผ่านภาคีที่ร่วมมือ มุ่งลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน ๑,๕๐๐ ตำบลในปีนี้ และ ๒,๕๐๐ ตำบลในปีหน้า แผนยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษกับชาติสมาชิกอาเซียน เน้นการทำตลาดการท่องเที่ยวด้านกิจกรรม เตรียมจัดเส้นทางท่องเที่ยวปั่นจักรยานร่วมกัน
ที่ผ่านมา อพท.ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรายได้และสร้างความสุขให้กับคนในท้องถิ่นได้แท้จริง อีกทั้งเชื่อมั่นในองค์กรและบุคลากรว่าจะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ รวมถึงการเลือกบุคลากรเข้ามาทำงานได้ตรงตามภารกิจ.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|