เรื่อง ช่วยกัน ฝ่าวิกฤตภัยแล้ง
ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ภาคเกษตรและอุตสาหกรรม และมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น แม้เราเผชิญกับปัญหา ภัยแล้งทุกปี แต่ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาวิกฤตภัยแล้งให้หมดไปได้
ทุกภาคส่วน รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ร่วมมือกันฝ่าวิกฤตภัยแล้งทั้งการป้องกัน การแก้ไข การให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มอบหมายให้สหกรณ์จังหวัดในพื้นที่ ๒๒ จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาบูรณาการขับเคลื่อนมาตรการช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ๒๒ จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยเน้นให้เชื่อมโยงนโยบายไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เบื้องต้นได้ให้การช่วยเหลือบรรเทาภาระหนี้สินและลดต้นทุนของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน ๒๐๖.๒๓ ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. จ่ายชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้แทนสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร อัตราร้อยละ ๓ ต่อปี เป็นระยะเวลา ๖ เดือน ขณะเดียวกันยังมีแผนสนับสนุนสินเชื่อระยะสั้นให้แก่สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ๒๒ จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งด้วย โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ได้อนุมัติกรอบวงเงินกู้ กพส. จำนวน ๓๐๐ ล้านบาทให้สหกรณ์กู้ยืมไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนแบบ ปลอดดอกเบี้ย ระยะเวลา ๖ เดือน อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดสรรเพื่อให้การช่วยเหลือครอบคลุมทั่วถึง
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังมีแผนเร่งส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่ดังกล่าวปลูกพืชใช้น้ำน้อย และอายุเก็บเกี่ยวสั้น เพื่อสร้างรายได้ในช่วงหน้าแล้งทดแทนการทำนาปรัง โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจที่ตลาดมีความต้องการสูง เช่นถั่วเขียว ถั่วเหลือง เป็นต้น
ปัญหาภัยแล้ง ต้องร่วมมือกัน ควบคุมการใช้น้ำในกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด ทุกภาคส่วนต้องใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า ไม่ปล่อยน้ำไหลทิ้ง ควรใช้ภาชนะใส่น้ำแทนการล้างด้วยการปล่อยน้ำไหลจากสายยางโดยตรง ปิดก๊อกน้ำให้สนิท ทุกครั้ง และหมั่นตรวจสอบจุดรั่วซึมของน้ำ
อย่างไรก็ตาม เพื่อการวางแผนการใช้น้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ควรเลือกเพาะปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย งดเว้นการทำนาปรัง และหลีกเลี่ยง การเผาตอซังและฟางข้าว ให้ใช้วิธีฝังกลบแทน เพราะจะทำให้ดินขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้สถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงมากขึ้น
โดย ธนัชพร ถ้ำสิงห์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|