เรื่อง ผลักดัน 3 มาตรการแก้ไขแรงงานประมงผิดกฎหมาย
การทำประมงในประเทศไทย จะนิยมจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก เนื่องจากคนไทยไม่นิยมทำงานประเภทนี้ เพราะเป็นงานที่หนัก เสี่ยงอันตราย และต้องจากครอบครัวเป็นเวลานาน ๆ ทำให้แรงงานต่างด้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ และถ้าหากมีสถานการณ์ หรือคำสั่งให้โรงงานผลิตอาหาร หรือห้องเย็น ยกเลิกการว่าจ้าง หยุดการซื้อ หรือหยุดส่งวัตถุดิบ ให้สถานประกอบกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเข้าไปมีส่วนพัวพันกับการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งสหภาพยุโรป (EU) ยื่นคำขาดให้ประเทศไทยปฏิรูปนโยบายการประมงที่ผิดกฎหมาย (Illegal, Unreported and Unregulated fishing: IUU) ซึ่ง
พฤติกรรมประมงที่เข้าข่าย IUU ประกอบด้วย
1. การทำประมงโดยที่เรือประมงยังไม่ได้จดทะเบียนเรือ ไม่มีอาชญาบัตร หรือจับสัตว์น้ำโดยที่ใบอนุญาตหมดอายุ หรือไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐที่เข้าทำประมง
2. ไม่ทำตามข้อกำหนดที่ต้องบันทึกและรายงานข้อมูลสัตว์น้ำที่จับได้ รวมไปถึงข้อมูลที่ได้จากระบบติดตามเรือ
3. ทำประมงในพื้นที่ หรือฤดูที่ห้ามทำ จับเกินจำนวนหรือไม่ได้รับโควตา
4. ทำประมง หรือมีส่วนร่วมในการทำประมงต้องห้าม
5. ใช้เครื่องมือประมงต้องห้าม ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
6. ปลอมแปลง หรือปกปิดเครื่องหมาย รูปพรรณ หรือทะเบียนใด ๆ
7. ปกปิด ยุ่งเกี่ยวโดยไม่มีอำนาจ ทำลายหลักฐานในการสอบสวน
8. ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
9. นำสัตว์น้ำขนาดเล็กกว่ามาตรฐานขึ้นเรือ หรือขนถ่ายระหว่างเรือ
10. ขนถ่ายสินค้าจากเรือประมงที่ทำผิดกฎหมายประมง (เรือประมงไอยูยู)
11. ทำประมงไม่เป็นไปตามมาตรการอนุรักษ์ในระดับภูมิภาคที่ทำร่วมกัน หรือชักธงของประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาต
12. เรือประมงไม่มีสัญชาติ ไม่มีสังกัดรัฐตามกฎหมายระหว่างประเทศ
จากพฤติกรรมในบางข้อ อาจเป็นสาเหตุให้สหภาพยุโรปสั่งระงับการนำเข้าสินค้าประมงจากประเทศไทย ก็จะส่งผลกระทบถึงแรงงานต่างด้าวจำนวนมากต้องว่างงาน กรมการจัดหางาน (กกจ.) จึงเร่งผลักดัน 3 มาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้แก่
1. การปรับหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติ โดยเบื้องต้นได้เปิดให้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายให้เป็นแรงงานที่ถูกกฎหมายและอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวที่ประสบปัญหาสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ รวมถึงการเพิ่มโทษผู้ประกอบกิจการที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบและข้อบังคับ รวมทั้งได้นิยามคำที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ได้ดำเนินการยกร่างกฎกระทรวงเพื่อไม่ให้แรงงานอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าทำงานในธุรกิจประมงและธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำ โดย กกจ. ได้มีการจัดหางานอื่นไว้รองรับแรงงานเหล่านี้แล้ว
2. การคุ้มครองไม่ให้แรงงานถูกละเมิดสิทธิ์ โดยเข้าตรวจสอบพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับกิจการประมงและการแปรรูปสัตว์น้ำ โดยมีการอบรมและแต่งตั้งพนักงานตรวจแรงงาน จากข้าราชการในหลายภาคส่วน ให้เข้ามามีอำนาจหน้าที่ในการตรวจแรงงานเพื่อให้การทำงานครอบคลุมทั่วถึงและสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเต็มรูปแบบ
3. การสร้างความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างประเทศ ได้มีการจัดประชุมความร่วมมือกับกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อลงนามบันทึกความร่วมมือ ด้านแรงงานและข้อตกลงด้านการจ้างงานระหว่างคู่ค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคงไว้ซึ่งจำนวนแรงงานต่างด้าวภายในประเทศ ลดการลักลอบการเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าว ผิดกฎหมาย และสามารถเพิ่มจำนวนแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายให้มากขึ้นทั้งนี้ มาตรการดังกล่าว จะเป็นหลักประกันที่ทำให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข และเมื่อใดก็ตามที่แรงงานในกิจการประมงทะเล หรือแปรรูปสัตว์น้ำได้รับการคุ้มครองและเข้าถึงตามกฎหมายที่ใช้บังคับนายจ้างอย่างเต็มที่แล้ว แรงงานทาสก็จะหมดไป
โดย ณัฐชยา เหมือนสมหวัง
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|