เรื่อง พลิกวิกฤต เป็นโอกาสสู้ภัยแล้ง
การที่ไทยต้องประสบกับปัญหาภัยแล้งในปีนี้ ย่อมส่งผลกระทบกับประชาชน อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะเกษตรกร ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลักของประเทศมีปริมาณน้ำน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ รวมถึงในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการบูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง ปี ๒๕๔๘/๕๙ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ) เป็นประธาน ได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งอย่างเร่งด่วนโดยรณรงค์ให้ปรับเปลี่ยนพืชที่เคยปลูกตามปกติมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน เกษตรกรที่ต้องประสบภัยแล้งต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตช่วงนี้ไปได้ เริ่มที่
ปรับตัวรับผลกระทบภัยแล้ง เกษตรกรควรเรียนรู้การจัดการกระทบการปลูกข้าว ที่เหมาะสม ปรับเปลี่ยนเป็นการปลูกพืชใช้น้ำน้อยกว่าข้าวซึ่งขณะนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำคู่มือการปลูกพืชน้ำน้อย เกษตรกรควรรวมกลุ่มเพื่อลดต้นทุนการผลิตทำให้บริหารจัดการพื้นที่การเพาะปลูกพืชได้ยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้เกษตรกรสามารถขอรับคำแนะนำการปรับตัวภัยแล้ง ได้ที่สำนักเกษตรอำเภอ และสำนักงานเกษตรจังหวัดทุกแห่งใกล้บ้าน
เตรียมการก่อนถึงภัยแล้ง เกษตรกรควรเตรียมจัดการหาแหล่งน้ำ ร่วมกับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ เกษตรกรควรมีการวางแผนการผลิตและศึกษาวิธีการเพาะปลูกพืชชนิดอื่นๆ ให้สอดคล้องกับฤดูกาล เช่น มีการปลูกพืชน้ำที่ใช้น้อย พืชอายุสั้น และพืชที่มีตลาดรองรับในช่วงฤดูแล้ง
ดูแลผลผลิตในช่วงภัยแล้ง เกษตรกรควรป้องกันการระเหยของน้ำในแปลงโดยใช้วัสดุคลุมดิน เช่น เศษหญ้า ใบไม้ ปุ๋ยอินทรีย์ ฟางข้าว ชานอ้อย แกลบ ขุยมะพร้าว ซากวัชพืชเพื่อช่วยชะลอการระเหยน้ำจากผิวดิน รักษาความชื้นให้แก่ดิน เกษตรกรควรหมั่นสำรวจพืชในแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบการระบาดให้ทำการควบคุม และควรเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยสำหรับเกษตรกร
เมื่อเกษตรกร ทราบถึงรายละเอียดในการปลูกพืชใช้น้ำน้อยในฤดูแล้งเช่นนี้ ซึ่งวิธีที่กล่าวมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชที่มีความเหมาะสมในช่วงฤดูแล้งนี้และยังเป็นการช่วยในเรื่องของปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เพื่อกลับไปปลูกข้าวในฤดูการที่กำลังจะมาถึง และยังเป็นการช่วยให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โดย ธนวรรณ สิงขรรัตน์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|