เรื่อง “อาโวคาโด” อาหารเพื่อสุขภาพ
อาโวคาโดผลไม้ที่หลายต่อหลายคนเข้าใจผิด และคิดว่าเป็นผลไม้รสไม่หวาน ไขมันสูง กินแล้วอ้วน แต่ในความเป็นแล้วจริงอาโวคาโด หรือ ลูกเนย คือผลไม้ที่ถือว่าเป็น "อาหารเพื่อสุขภาพ" อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย อีกทั้งยังมีสรรพคุณมากมาย ทำให้เป็นผลไม้ที่ติดอันดับอีกชนิดหนึ่ง ในวงการสุขภาพ ความงาม และ การลดน้ำหนัก
อาโวคาโดดูภายนอกอาจมีรูปร่างแปลกๆ ผลที่สุกจัดจะมีสีดำ ผิวขรุขระ เนื้อภายในถ้าสุกจะมีสีเขียว เนื้ออ่อนนุ่ม รสชาติละม้ายคล้ายเนย เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกา เม็กซิโก กัวเตมาลา และหมู่เกาะเวสอินดิส โดยผลอาโวคาโดนิยมใช้ประกอบอาหารในแถบอเมริกาและยุโรป แต่สำหรับในประเทศไทยยุคแรกๆ อาโวคาโดยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากกลิ่นและรสชาติไม่ค่อยถูกปากคนไทย นำมาประกอบอาหารได้ยากและราคาค่อนข้างสูง แต่ในช่วงหลังมานี้ วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทยเปิดกว้างขึ้น มีการเพาะปลูกเพิ่มมากขึ้น เพราะอาโวคาโดมีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น
ปริมาณไขมันในอาโวคาโด ในเนื้อของอาโวคาโด ปริมาณ 100 กรัม (หรือครึ่งลูก) จะมีไขมันอยู่ถึง 14.66 กรัม ซึ่งมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ แต่ตัวไขมันที่อยู่ในอาโวคาโดไม่น่ากลัวอย่างที่คิดและไม่ได้ทำให้อ้วน เหมือนไขมันชนิดอื่นๆ ไขมันชนิดนี้เป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย ช่วยเพิ่มระดับไขมันตัวที่ดีและลดไขมันตัวที่ไม่ดี ที่เป็นผลเสียกับร่างกาย เมื่อไขมันทั้งสองตัวอยู่ในระดับที่สมดุลจะทำให้ระบบการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจทำงานได้ดีขึ้น อาโวคาโดยังถือว่าเป็นผลไม้ที่เป็นตัวช่วยสำหรับการลดน้ำหนัก มีปริมาณคาร์โบไฮเดรต (ต่ำ) แม้แต่ผู้ป่วยโรคเบาหวานก็สามารถทานอาโวคาโดได้ มีโปรตีนสูง (กว่าผลไม้สดอื่นๆ ประมาณ 0.8 – 1.7 %) และมีกรดอามิโนที่เป็นประโยชน์ สำหรับร่างกายใช้ในการช่วยย่อยโปรตีน
อาโวคาโดยังประกอบด้วยวิตามินและแร่ธุาตอื่นๆที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายหลายอย่างได้แก่
- วิตามินเอ และ เบต้าแคโรทีน ซึ่งช่วยบำรุงสายตา
- วิตามินบี ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา โรคปากนกกระจอก
- วิตามินซี ช่วยป้องกันโรคหวัด และโรคเลือดออกตามไรฟัน
- โฟเลสสูงเหมาะกับสตรีตั้งครรภ์ เนื่องจากโฟเลตเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อของทารก
- วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นตัวช่วยให้ระบบของเซลล์ต่างๆในร่างกายแข็งแรงทำงานได้ดี ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลายจากมลพิษต่างๆ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง และ ช่วยให้อ่อนกว่าวัย ผิวพรรณสดใส
วิธีการรับประทานอาโวคาโด ก็เหมือนกับอาหารอื่นๆที่มีพลังงาน จึงควรรับประทานแต่พอดี และควรทานควบคู่กับอาหารให้หลากหลาย โดยวิธีการรับประทานจะทานผลที่สุก เพราะผลดิบจะมีรสขมและอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ แนะนำให้รับประทานปริมาณครั้งละไม่เกินครึ่งผล หรืออย่างมากที่สุดไม่เกิน 1 ผลต่อวัน เพราะถึงจะมีประโยชน์มากมาย แต่ให้พลังงานสูงเช่นกัน วิธีการรับประทานสามารถทำได้หลายรูปแบบ อาจจะตักทานเลย หรือนำมาใส่ประกอบในสลัด ห่อด้วยข้าวสไตล์แบบข้าวปั้นญี่ปุ่น หรือทำเป็นของหวาน ทานคู่กับไอศกรีมปั่นเป็นน้ำปั่นเพื่อสุขภาพ นำมาทากับขนมปังก็ทำได้ นอกจากอาโวคาโดจะมีประโยชน์หลายอย่างแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงอีกด้วย
โดย ลูกเต๋า โพธิกุล
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|