เรื่อง พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวด้วยงบประมาณ อปท.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ธงนำอันสำคัญสานพลังประชารัฐที่รัฐ-ประชาชน-เอกชนทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจ ร่วมคิดร่วมทำ ให้เกิดความร่วมมืออย่างมีบูรณาการและมุ่งสู่ผลลัพธ์ ไม่ใช่เพียงการบังคับบัญชาตามสายงานแต่ต้องมีความสัมพันธ์ในแนวระนาบควบคู่กันเพื่อป้องกันความล่าช้าจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบของราชการ ดังนั้น การเร่งรัดดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจผ่านการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ ต้องปฏิรูปให้เกิดการพัฒนาที่มีความเข้มแข็งและสมดุล ไม่พึ่งพิงการส่งออก
ดังนั้น นโยบายจึงปรากฏในรูปของการเสริมความเข้มแข็งของฐานรากผ่านกองทุนหมู่บ้านวงเงิน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท และผ่านทางงบประมาณของโครงการตำบลละ ๕ ล้านบาท วงเงินกว่า ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมถึงมาตรการที่รัฐบาลได้ช่วยเหลืออื่น ๆ สิ่งที่นำเสนอคือ จะขอใช้งบประมาณที่คงค้างขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กว่า ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาทที่มีจุดมุ่งหมายพัฒนาท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยวางเป้าหมายว่าใช้ตามแนวทางประชารัฐประมาณ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินดังกล่าว หรือประมาณ ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเฉลี่ยปีงบประมาณหนึ่ง ๆ อปท. ได้รับจัดสรรงบประมาณผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นปีละ ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท แต่เพราะข้อจำกัดของกฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ของการใช้เงิน ทำให้ อปท.ใช้เงินไม่ทัน ซึ่งเห็นว่าควรนำเงินก้อนนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์งอกเงยบนพื้นฐานที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับผล ซึ่งรัฐบาลจะนำมาทำประชารัฐ ดูความเหมาะสมของเงินที่จะนำมาใช้ อาทิ ใช้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวระดับตำบล กระบวนการขั้นต้นจะดึงมา ๓๐ เปอร์เซ็นต์ของ ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาทใช้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นระดับตำบล และการใช้งบให้เป็นไปตามความต้องการของท้องถิ่น อย่างไรก็ตามต้องพูดคุยหารือกับ อปท. ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัดให้ได้รับข้อสรุปเพื่อจะสามารถนำเงินมาใช้ได้ เป็นการจัดสรรงบประมาณลงไปยังท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการประกอบอาชีพเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจภายใน การเริ่มจากพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพราะไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่ดีเชื่อมโยงให้เกิดการค้า สร้างรายได้จากการใช้จ่ายซื้อสินค้าบริการ และเชื่อมโยงแผนพัฒนาการท่องเที่ยวระดับประเทศ
กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) โดยนายธีรยุทธ สำราญทรัพย์ ผู้อำนวยการส่วนการจัดสรรเงินอุดหนุนและพัฒนาระบบงบประมาณ สถ. ชี้แจงว่า อปท. มีสถานะเป็นนิติบุคคลมีอำนาจบริหารจัดการตัวเอง ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและผู้กำกับในปัญหาข้อกฎหมายการใช้งบประมาณ ทาง สถ. ได้มีการประชุมหารือในการปลดล็อกข้อจำกัดนี้กับสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ต้องใช้เวลาสำหรับการดำเนินการในรายละเอียด สิ่งที่พึงระวังคือ ต้องใช้เงินอย่างมีระเบียบวินัยทางการคลัง ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น และการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนในทุกระดับ.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|