เรื่อง ปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งยุคน้ำขาดแคลน
กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวโดยวิธีเปียกสลับแห้งเพื่อการประหยัดน้ำ ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวให้เกิดความยั่งยืน รองรับสถานการณ์ภัยแล้งที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิตข้าวของเกษตรกรไทย
เมื่อสถานการณ์น้ำในปัจจุบันที่ภาวะภัยแล้งรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการทำนา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศขอให้ชาวนางดทำนาปรังในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง ตั้งแต่ปีการผลิต 2557/58 ต่อเนื่องมาปี 2558/59 กรมการข้าวได้ทำโครงการการใช้เทคโนโลยีการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งเพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจถึงวิธีการใช้น้ำในการปลูกข้าวอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ดำเนินการในพื้นที่ 22 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นแปลงสาธิตการปลูกข้าวแบบใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เกษตรกรที่เข้าร่วมให้การยอมรับในเทคโนโลยีที่กรมการข้าวเข้าไปส่งเสริมว่าสามารถนำไปใช้ได้จริงและสามารถประหยัดน้ำได้กว่าวิธีการเดิมของเกษตรกร
ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีการปลูกข้าวโดยวิธีเปียกสลับแห้งสามารถดำเนินการได้ทุกพื้นที่ที่มีสภาพเหมาะสมและไม่เพียงแต่เฉพาะในช่วงวิกฤติภัยแล้ง สามารถนำวิธีการนี้ไปใช้ในการปลูกข้าวได้ทุกฤดู เนื่องจากทุกฝ่ายต้องช่วยกันใช้นำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด การปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง สามารถตอบสนองนโยบายการลดต้นทุนการผลิต ชาวนาไม่ต้องสูบน้ำเข้านาตลอดเวลาช่วยลดต้นทุนในส่วนของค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการ
สูบน้ำเข้านาประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และไม่มีน้ำขังในนาตลอดเวลาช่วยลดปัญหาโรคและแมลงที่สำคัญการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งเป็นการแกล้งข้าว ช่วยกระตุ้นการเพิ่มรากข้าวแตกใหม่และดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น ต้นข้าวจึงมีความแข็งแรงและได้ผลผลิตดีขึ้น
พันจ่าโทเฉลียว น้อยแสง ชาวนาอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เกษตรกรต้นแบบที่ปลูกข้าวโดยวิธีเปียกสลับแห้ง เล่าว่า การทำนาแบบเปียกสลับแห้งที่กรมการข้าวได้เข้ามา ส่งเสริมนั้น เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดการใช้น้ำอย่างมาก เมื่อก่อนการทำนาจะใช้น้ำมากเพราะเพราะต้องขังน้ำไว้ในนาตลอดเวลา ทำให้พื้นที่นา 1 ไร่ ต้องใช้น้ำประมาณ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อฤดูกาลผลิต พอมาปลูกข้าวโดยวิธีเปียกสลับแห้ง จะใช้น้ำลดลงเหลือประมาณ 550-600 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ต่อฤดู ประโยชน์ของการปล่อยให้นาเปียกสลับกับแห้งคือ เวลาที่ปล่อยให้น้ำแห้งจนดินแตกระแหงจะทำให้รากข้าวขาด เวลาใส่ปุ๋ยลงไปในดินที่แตกระแหงและเติมน้ำเข้านาปุ๋ยจะละลายอยู่ตรงบริเวณรากข้าว ข้าวที่ได้น้ำก็จะแตกรากใหม่สามารถดูดซับปุ๋ย ธาตุอาหารได้ดีขึ้น ทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตแข็งแรงและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ข้อดีอีกประการ คือถ้าไม่สูบน้ำเข้านาตลอดเวลาช่วยลดค่าน้ำมันเครื่องสูบน้ำได้จากเดิมไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนค่าปุ๋ยลดลงเพราะหว่านปุ๋ยตอนนาแห้งช่วยให้ต้นข้าวได้ปุ๋ยโดยตรง ปุ๋ยไม่ระเหยไปกับอากาศ หรือละลายไปกับน้ำมากเหมือนแต่ก่อน สารเคมีกำจัดศัตรูพืชลดลงมากเช่นกัน เพราะปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งนอกจากต้นข้าวแข็งแรงแล้ว ปัญหาโรคแมลงไม่ค่อยพบ
งานวิชาการของกรมการข้าวสู่แปลงนาต้นแบบ สามารถยืนยันได้ว่าการปลูกข้าวโดยวิธีเปียกสลับแห้ง สามารถช่วยลดการใช้น้ำในการปลูกข้าว ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ที่สำคัญสามารถรองรับกับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันและอนาคตได้เป็นอย่างดี
โดย ญาณี จันทร์กล่ำ
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|