เรื่อง ประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทางออกของประเทศ
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลกำลังปูทางเพื่อไปสู่การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างเต็มที่ ท่ามกลางความกังวลทั้งเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการในการทำประชามติ การรณรงค์จะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งปลายทางของผลการทำประชามติ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ๑ ใน ๕ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงปัญหาการทำประชามติครั้งนี้ว่า
กกต. ยึดหลัก ๓ ป. คือ ประชาชนสะดวก ประชามติเที่ยงธรรม และประชาธิปไตยคุณภาพ โดยประชาชนสะดวกทั้งเรื่องเวลา สถานที่ และเครื่องมือต่าง ๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ส่วนเรื่องประชามติเที่ยงธรรม พยายามจะสร้างกลไก และกฎเกณฑ์ที่จะเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพราะอาจจะมีแรงเสียดทานจากประชาชน แต่ กกต.จะยืนหยัดบนหลักของความเท่าเทียม และคิดว่ายังอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ เรื่องที่น่ากังวลคือ ประชาธิปไตยคุณภาพ ที่ต้องทำให้ผู้ออกเสียงประชามติเข้าใจในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องยาก เพราะร่างรัฐธรรมนูญมีเนื้อหามาก และพฤติกรรมของคนในสังคมยังเลือกข้างเลือกฝ่าย ไม่พยายามฟังเหตุและผล ดังนั้น บรรยากาศที่จะทำให้เป็นประชาธิปไตยคุณภาพนั้น จึงเป็นโจทย์ยากและเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ
สำหรับปัญหาในเรื่องงบประมาณ รัฐบาลต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายให้กับ กกต. แต่โดยรวมแล้วยังเป็นสิ่งที่ กกต.สามารถจัดการได้ ไม่ได้กระทบต่อขวัญกำลังใจ ในส่วนของหลักเกณฑ์การเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ จากที่กำหนดต้องแจกจ่ายให้ได้ร้อยละ ๘๐ ของครัวเรือนเป็นการแจกจ่ายให้ทั่วถึงนั้น มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะทำให้ประชาชนเข้าใจได้อย่างไร ทั้งนี้ กกต.มีแนวทางดำเนินการ คือ จัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม ๑.๒ ล้านเล่ม แจกจ่ายตามสถานที่สำคัญที่ประชาชนสามารถไปรับและยืมอ่านได้ อาทิ ที่ทำการกำนันผู้ใหญ่บ้าน โรงเรียน ศูนย์หนังสือประจำตำบล ประจำหมู่บ้าน ที่ทำการหน่วยราชการต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนสรุปสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญความยาว ๒๐ หน้าจะมีการจัดพิมพ์ ๖ ล้านเล่ม แจกจ่ายไปยังจุดสำคัญ หากไม่เพียงพอจัดพิมพ์เพิ่มเติมได้ ส่วนสรุปย่อสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญความยาวไม่เกิน ๑๐ หน้าจะจัดพิมพ์ประมาณ ๑๗ ล้านเล่มส่งไปพร้อมกับหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน นอกจากนั้น ยังมีช่องทางอื่น เช่น เผยแพร่ทางเว็บไซต์ ทางแอพพลิเคชั่นมือถือ ซึ่งทำให้ประหยัดงบประมาณ และเชื่อว่าจะเข้าถึงประชาชนได้ดี
ในส่วนการกำหนดความผิดรุนแรงในกฎหมายควบคุมความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติ เรื่องนี้ไม่ใช่ออกกฎหมายมาจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นกฎหมายทั่วไปที่ใช้กับการเลือกตั้งเพื่อกำหนดสิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้ เป็นการดำเนินการบนฐานวิธีการคิดเหมือนกับการเลือกตั้งทุกประการ ซึ่งเป็นการสร้างกติกาเพื่อให้การทำประชามติเที่ยงธรรม ไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนแต่ประการใด แนวนโยบายของ กกต.มีว่า การทำประชามติต้องได้รับการยอมรับจากทั้งในประเทศและในระดับสากล รวมทั้งยอมรับเรื่องผลของการทำประชามติ เมื่อผลออกมาจะต้องเป็นที่สิ้นสุด และต้องการให้ผลการทำประชามติเป็นทางออกของบ้านเมือง ยอมรับในเรื่องกระบวนการจัดทำประชามติ ที่ต้องโปร่งใส สุจริต เที่ยงธรรม ให้โอกาสทั้งฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ ดำเนินกิจกรรมอย่างเท่าเทียมกัน หากกิจกรรมใดที่ทำแล้วมีความสุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง นำไปสู่ความแตกแยกของคนในสังคม กกต.จะเสนอให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบกิจกรรม ซึ่ง กกต.ตั้งเป้าให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก และเข้าใจเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นงานที่ต้องทำอยู่แล้ว.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|