เรื่อง รู้ทัน ป้องกันกลโกงการเงินนอกระบบ

                      ปัจจุบันการกู้ยืมเงินนอกระบบไม่ได้หมายถึงหนี้นอกระบบเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงแชร์ลูกโซ่ การระดมทุน หรือการใช้เงินในการทำธุรกิจที่ไม่อยู่ภายใต้ระบบการควบคุมกำกับดูแลของทางราชการ ซึ่งเป็นช่องทาหนึ่งที่มิจฉาชีพมักจะแฝงตัวเข้าไปหลอกเอาเงินจากเหยื่อ ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับการเงินนอกระบบกัน เพื่อที่เราจะได้รู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อของบรรดามิจฉาชีพนักต้มตุ๋น หลอกลวงทั้งหลาย
การเงินนอกระบบมีลักษณะสำคัญ 4 ประการด้วยกัน ประการแรกคือการให้กู้เงินกู้นอกระบบ โดยผู้ให้บริการเงินกู้มักเป็นผู้ให้กู้ที่ไม่อยู่ในระบบสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร ผู้ให้บริการบัตรเครดิต เป็นต้น และส่วนมากจะคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าสถาบันการเงินกำหนด โดยจะบอกตัวเลขดอกเบี้ยหรือเงินคืนน้อย ๆ เพื่อดึงดูดผู้กู้ หรืออาจหลอกลวงโดยแจ้งจำนวนจ่ายคืนหรือดอกเบี้ยเป็นจำนวนต่อวันเพื่อให้ผู้กู้รู้สึกว่าเป็นเงินจำนวนน้อย แต่เมื่อคำนวณเงินที่ต้องจ่ายคืนเทียบกับเงินต้นแล้วจะพบว่าดอกเบี้ยที่นายทุนเงินกู้เรียกเก็บนั้นสูงกว่าที่สถาบันการเงินกำหนดไว้เสียอีก นอกจากนี้ผู้ให้กู้บางรายยังบังคับให้ลูกหนี้เซ็นสัญญาเงินกู้ที่ไม่ได้กรอกข้อความ หรือระบุจำนวนเงินกู้เกินจริง และที่น่ากลัวที่สุดก็คือการทวงหนี้ด้วยวิธีที่โหดร้ายหรือผิดกฎหมาย เช่น ขู่กรรโชก ประจาน ทำร้ายร่างกาย เป็นต้น
ประการที่สองคือการหลีกเลี่ยงการให้กู้โดยตรง หรือสัญญาอำพรางเงินกู้ โดยนายทุนเงินกู้จะให้ผู้กู้ใช้บัตรผ่อนสินค้าหรือบัตรเครดิตซื้อสินค้าที่มีมูลค่าแพงกว่าเงินกู้ เช่น ต้องการกู้เงิน 20,000 บาท ก็จะให้ผู้กู้ซื้อสินค้ามูลค่า 26,000 บาท จากนั้นเมื่อได้สินค้านายทุนเงินกู้จะให้ผู้กู้นั้นนำสินค้ามาแลกกับเงินกู้จำนวน 20,000 บาท แล้วผู้กู้จะต้องรับผิดชอบชำระค่าสินค้ากับบริษัทบัตรผ่อนสินค้าหรือบัตรเครดิตพร้อมทั้งดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เองแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้นายทุนเงินกู้ไม่ต้องรับความเสี่ยงใด ๆ ในการปล่อยกู้เงินเลย เพราะทันทีที่จ่ายเงินให้กับผู้กู้ไป นายทุนเงินกู้จะได้รับสินค้าที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินที่จ่ายให้ผู้กู้ไปประการต่อมา การหลอกให้ทำธุรกิจขายตรงแอบแฝงแชร์ลูกโซ่ซึงแชร์ลูกโซ่นั้นบางครั้งก็จะแอบแฝงมากับธุรกิจขายตรง ซึ่งมิจฉาชีพจะโฆษณาชวนเชื่อให้เหยื่อทำธุรกิจขายตรงที่มีผลตอบแทนสูง โดยเหยื่อไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่ชักชวนเพื่อนหรือญาติพี่น้องให้ร่วมทำธุรกิจ โดยมีการจ่ายเงินค่าสมัครสมาชิก หรือซื้อสินค้าแรกเข้าในมูลค่าสูง โดยสินค้าส่วนมากมักไม่มีคุณภาพ หรืออาจให้เหยื่อซื้อหุ้นหรือหน่วยลงทุน โดยไม่ต้องรับสินค้าไปขายแล้วก็รอรับเงินปันผลได้เลย ซึ่งแชร์ลูกโซ่ในคราบธุรกิจขายตรงนี้มีลักษณะสำคัญคือจะไม่เน้นการขายสินค้า การสาธิตสินค้า หรือทำให้สมาชิกเข้าใจในตัวสินค้า แต่จะเน้นการหาสมาชิกใหม่ เพราะค่าสมัครสมาชิก ค่าซื้อสินค้าแรกเข้า ค่าหุ้น หรือหน่วยลงทุนจะถูกนำมาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับสมาชิกเก่านั่นเอง
ประการสุดท้าย การชักชวนให้ซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งมิจฉาชีพจะใช้วิธีประกาศขายสินค้าราคาถูกมาก และส่วนใหญ่จะส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อในครั้งแรกเท่านั้น เพื่อหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อและสั่งซื้อสินค้าเพิ่มในจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ซึ่งสินค้าที่หลอกขายอาจเป็นสินค้าใหม่ที่ยังไม่วางขายในประเทศไทย หรือกำลังเป็นที่นิยม เมื่อเหยื่อซื้อและได้รับสินค้าในครั้งแรกก็จะซื้อเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปเก็งกำไร หรือชักชวนเพื่อน ๆ ญาติพี่น้องให้ซื้อพร้อมกันเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็จะถูกเชิดเงิน
                            จะเห็นได้ว่าการกู้เงินนอกระบบดังกล่าวมีข้อเสียมากมาย ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับตนเอง เราควรจะวางแผนรายรับรายจ่ายล่วงหน้าและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันปัญหาเงินไม่พอใช้ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อหนี้ แต่ทั้งนี้ถ้าหากเราจำเป็นต้องก่อหนี้ ให้เราประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตนเองก่อนก่อหนี้และเลือกกู้เงินในระบบเพราะมีสัญญาการกู้เงินที่ชัดเจนและเป็นธรรมมากกว่า หากจำเป็นต้องกู้เงินนอกระบบให้ศึกษารายละเอียดสัญญาให้ดีก่อนเซ็นสัญญาพร้อมทั้งศึกษารายละเอียดของผู้ให้กู้เพื่อป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบหรือการทวงหนี้โหดในอนาคต
 
โดย  ธัญลักษณ์ ฉิมดี
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก