เรื่อง นานาทัศนะเกี่ยวกับการทำประชามติ
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดสนทนาในหัวข้อ “ประชามติ อะไรทำได้-ไม่ได้ โดยมีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นดังนี้.-
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือแนวทางการปฏิบัติของ กกต. ซึ่งประชาชนอาจสับสน อีกประการคือ หลักการทำประชามติให้ยึดความสำคัญในมาตรา ๗ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๙ ที่ประชาชนสามารถแสดงความเห็นโดยสุจริตแต่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ส่วนเรื่องเสรีภาพในการแสดงความเห็นโดยสุจริตถ้าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ต้องไม่ใช่แค่สิ่งใดทำได้ หรือไม่ได้ พื้นฐานคือต้องทำได้ทุกเรื่องไม่ถูกจำกัด พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติข้อห้ามตามมาตรา ๖๑ ห้ามหยาบคาย ห้ามปลุกระดม เรื่องอาญาที่เป็นข้อห้ามต้องเขียนให้ชัดในข้อกฎหมาย เกี่ยวกับความผิดต้องเขียนให้ชัดเจน ทุกอย่างต้องไม่คลุมเครือ ที่สำคัญการทำประชามติต้องไม่อยู่ในบรรยากาศของความหวาดกลัว
นายไพโรจน์ พลเพชร นายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ประชามติ คือ การคืนอิสระให้ประชาชนต่อการตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อให้ตัดสินใจว่าจะเห็นชอบรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนควรได้รับคือ.-
-ประชาชนต้องมีสิทธิในการลงประชามติที่อิสระ ไม่อยู่ภายใต้บรรยากาศความกลัวหรือถูกข่มขู่คุกคามทุกรูปแบบ ถ้าใช้หน่วยงานรัฐไปกระทำการชี้แนะอย่างใดอย่างหนึ่ง เท่ากับว่าประชาชนกำลังขาดอิสระ
-ต้องมีระยะเวลาเพียงพอเพื่อให้ประชาชนได้ถกเถียง ครุ่นคิด แลกเปลี่ยนในเนื้อหารัฐธรรมนูญอย่างมีสติ และ
-ประชาชนต้องได้ข้อมูล ๒ ด้านอย่างทั่วถึง เพียงพอ ให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเอง ซึ่งประชามติเปิดโอกาสอย่างเต็มที่ ตาม พ.ร.บ.ประชามติรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ไม่ได้ควบคุมเนื้อหาการพูด เปิดโอกาสให้กับฝ่ายเห็นต่าง
พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติเน้นปี ๒๕๕๒ เป็นหลัก เอื้ออำนวยให้กับ กกต.ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบและเป็นเจ้าภาพหลัก ให้ประชาชนออกมาใช้เสียงให้มาก เน้นเผยแพร่ความรู้ และการออกเสียงเป็นไปโดยสุจริต สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความขัดแย้งใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคม ใช้เหตุผลพิจารณา และให้กระบวนการออกเสียงเป็นที่ยอมรับและให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ มีการแสดงความคิดเห็นอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ยืนยันว่า วิธีการแสดงความเห็นในการออกเสียงประชามติตั้งอยู่บนหลักการสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเป็นสำคัญ ยึดตามมาตรา ๗ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๙ ที่ให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพออกความเห็นโดยสุจริต ไม่ขัดกฎหมาย ฉะนั้น ในวันอาทิตย์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ จ7จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป ออกไปใช้สิทธิลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๕๙ หากมีข้อสงสัยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://election.dopa.go.th
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|