เรื่อง ดูแลหัวใจให้แข็งแรง
หัวใจเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยการหดและคลายตัว ทำงานหนักตลอด ๒๔ ชั่วโมง หากจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ สิ่งนี้เป็นเครื่องบ่งชี้เตือนให้รับรู้ว่าร่างกายกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต อันตรายฉุกเฉิน หัวใจอาจจะหยุดเต้นแบบกะทันหัน
โรคหัวใจ นับเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมาก และเป็นสาเหตุการตายอันดับ ๓ รองจากโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุที่ทำให้หัวใจทำงานผิดพลาด หยุดเต้นกะทันหันเกิดจากการอุดตันในหลอดเลือด ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอายุ รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน หากรู้เท่าทันโรคหัวใจเชื่อว่าจะปลอดภัยจากภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทย ฉะนั้น ทุกคนควรตระหนักรู้ว่า โรคหัวใจแม้จะมีสถิติการตายที่น่ากลัว แต่สามารถต่อสู้กับโรคได้ด้วยตัวเอง เพียงทำความเข้าใจ หาความรู้ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่
อาหารการกิน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะลดหรือเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ดังนั้น หากต้องการดูแลรักษาหัวใจให้ใช้งานได้ดีไปนาน ๆ ควรคำนึงว่าอาหารนั้นเป็นคุณหรือโทษต่อหัวใจ อาหารที่ให้ประโยชน์ต่อหัวใจ เช่น ผัก ผลไม้ สมุนไพรจากกระเทียม บัว หัวหอม พืชตระกูลถั่ว ส่วนอาหารที่ให้โทษต่อหัวใจ เช่น อาหารมันนอกจากเป็นโทษต่อหัวใจแล้วยังให้โทษต่อร่างกายโดยรวมด้วย และที่สำคัญควรบริโภคอาหารให้พอเหมาะต่อการใช้พลังงานในแต่ละวัน ไม่ควรทานมากหรือน้อยเกินไป การออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ เพราะ การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายสูบฉีดเลือดได้ดี เมื่อออกกำลังกายหัวใจจะเต้นเร็วขึ้น ๒-๔ เท่า อัตราการบีบตัวของหัวใจเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐-๕๐ ปริมาณเลือดไปเลี้ยงร่างกายเพิ่มขึ้น ๔-๖ เท่า สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจการออกกำลังกายที่เหมาะสมจะแตกต่างจากคนทั่วไป ดังนั้น หากมีข้อสงสัยต้องปรึกษาแพทย์ว่าสามารถออกกำลังกายด้วยวิธีและระดับใดที่เหมาะสม และตรวจสภาพร่างกายเบื้องต้นด้วยตนเองว่า เข้าข่ายหรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อสภาวะหัวใจเพียงใด
สัญญาณบ่งบอกความเสี่ยงของโรคหัวใจมีตั้งแต่เจ็บแน่นหน้าอก ซึ่งเป็นภาวะหนึ่งของอาการหัวใจขาดเลือดที่มักแสดงออกขณะออกกำลังกายหรือเกิดอารมณ์โกรธ ในรายที่เป็นหนักอาจมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกได้แม้นั่งอยู่นิ่ง ๆ หรือหลังทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ เพียงแต่อาการเจ็บแน่นหน้าอกยังไม่อาจสรุปได้แน่นอน เพราะอาการดังกล่าวอาจเกิดจากปัญหากระดูก กล้ามเนื้อหน้าอก เยื่อหุ้มปอดอักเสบ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ จึงจำเป็นต้องสังเกตสัญญาณเสี่ยงอื่น ๆ ประกอบกัน เช่น เหนื่อยหอบง่ายกว่าปกติ ใจสั่นหรือหัวใจเต้นแรงไม่สม่ำเสมอ เวียนศีรษะ มึนงง เป็นลมหน้ามืดโดยไม่รู้สาเหตุ ริมฝีมากและมือเท้าเขียว ขาบวม เส้นเลือดบริเวณคอโป่ง ท้องและตับโตอย่างไม่ทราบสาเหตุ และน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากอย่างผิดปกติ หากมีอาการทางร่างกายข้างต้นยังไม่อาจฟันธงว่าป่วยเป็นโรคหัวใจ เพราะเป็นเพียงสัญญาณพื้นฐานเบื้องต้น ต้องเฝ้าระวังและรีบไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางอย่างเร่งด่วน เพื่อหาความชัดเจนและรักษาอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ได้อย่างถูกจุดและทันท่วงที.
โดย ญาณี จันทร์กล่ำ
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|