เรื่อง บอระเพ็ด...กับภาวะสมองเสื่อมในผู้ป่วยพาร์กินสัน
บอระเพ็ด เป็นไม้เลื้อย พบได้ตามป่าดิบแล้งเป็นสมุนไพรไทยมีสรรพคุณเป็นยามากมาย ส่วนที่นิยมนำมาใช้ทำยา คือ เถาเพสลาก มีลักษณะไม่แก่หรืออ่อนเกินไป มีรสชาติขมจัด ส่วนที่เป็นเถาแก่จะแตกแห้งรสเฝื่อนไม่ขม ถ้าอ่อนไปก็จะมีรสไม่ขม บอระเพ็ดเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกาย ทำให้เจริญอาหาร คนไทยใช้กันมานาน ปัจจุบันทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้พัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของแคปซูล เป็นยาเจริญอาหารในคนไข้วัณโรค คนไข้เอชไอวี คนไข้เบาหวาน บางรายนิยมรับประทานบอระเพ็ดเพื่อช่วยในการควบคุมน้ำตาล สารสกัดจากบอระเพ็ด เป็นสารกลุ่มอัลคาลอยด์ งานวิจัยพบว่า สามารถยับยั้งฤทธิ์ของเอนไซม์ได้สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบันคือ บอระเพ็ดมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซด์มากกว่ายาแผนปัจจุบันประมาณ 50% การยับยั้งเอนไซม์เป็นเป้าหมายสำคัญของการเป็นยารักษาผู้ป่วยสมองเสื่อม ผู้ป่วยความจำเสื่อม โรคพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วย อาการเซ หรือ ภาวะกล้ามเนื้อเสียสหการ และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง การยับยั้งเอนไซม์ทำให้สารสื่อประสาทในสมองที่มีชื่อ acetylcholine ไม่ถูกทำลาย ซึ่งหน้าที่ของ acetylcholine เป็นสารเคมีในสมองที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ และกระบวนการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย รวมทั้งกล้ามเนื้อเรียบของอวัยวะภายใน
ล่าสุดมีผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน อายุ 80 ปี ใช้บอระเพ็ดแคปซูลอภัยภูเบศร ขนาดความแรง 400 มิลลิกรัมต่อแคปซูล รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เป็นเวลา 3 เดือน ญาติผู้ป่วยได้มีการโทรเข้ามาแจ้งที่ศูนย์ข้อมูลสมุนไพรอภัยภูเบศรว่าผู้ป่วยรับประทานบอระเพ็ดแล้วอาการดีขึ้น ไม่กระสับกระส่าย ไม่หงุดหงิดโวยวาย และความดันลดลงผลการรักษาด้วยบอระเพ็ดในผู้ป่วยพาร์กินสันรายนี้ สอดคล้องกับฤทธิ์เภสัชวิทยาที่มีการค้นพบในงานวิจัย โดยเห็นผลการรักษาชัดเจนในด้านภาวการณ์รู้คิดพฤติกรรมโดยรวม อาการทางประสาทดีขึ้นในภาวะสมองเสื่อมที่พบในผู้ป่วยพาร์กินสัน เนื่องจากโรคพาร์กินสันเมื่อมีการดำเนินของโรคมานาน 5-10 ปี จะเกิดความเสื่อมของสมองในส่วนอื่น ๆ ทำให้เกิดความผิดปรกตินอกเหนือจากการเคลื่อนไหว เช่น การนอน ความผิดปกติทางด้านอารมณ์และจิตใจ ภาวะย้ำคิดย้ำทำ อาการซึมเศร้า วิตกกังวล เป็นต้น
นอกจากนี้ บอระเพ็ดยังมีฤทธิ์อื่น ๆ ที่ส่งผลดีต่อผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ความจำเสื่อม และพาร์กินสัน คือ มีฤทธิ์ลดอักเสบ และฤทธิ์ด้านอนุมูลอิสระ เป็นอีกหนึ่งกลไกที่ในปัจจุบัน เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับพยาธิสภาพโรค อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลทางคลินิก การศึกษาในผู้ป่วย กลุ่มโรคดังกล่าวอย่างเป็นระบบ แนะนำหากสนใจใช้บอระเพ็ด ควรใช้ในแง่เสริมการรักษาควบคู่กับยาแผนปัจจุบันเป็นหลัก ควรมีช่วงที่หยุดยาบ้าง เช่น แนะนำใช้ยาเดือนเว้นเดือน หรือ 2-3 เดือน เว้น 1 เดือน ขนาดรับประทานอาจมีการปรับตามสภาวะผู้ป่วยแต่ละคน แนะนำขนาดเริ่มต้นที่ 1 แคปซูล ก่อนอาหาร 2 มื้อ เช้าและเย็น อาจปรับลดหรือเพิ่มได้เป็น 3 มื้อ เช่น กรณีผู้ป่วยมีความดัน หรือระดับน้ำตาลที่ลดต่ำมากเกินไป ควรลดขนาดยา หรือลดจำนวนมื้อยาลง เนื่องจากผู้ป่วยบางรายที่ใช้บอระเพ็ดแล้วพบว่า ความดันโลหิต หรือน้ำตาลในเลือดลดต่ำเกินไปจากฤทธิ์ของบอระเพ็ด หากรับประทานแบบสดแนะนำให้รับประทานวันละ 1 ข้อนิ้ว
ที่สำคัญ ห้ามใช้บอระเพ็ดในผู้ที่มีภาวะเอนไซม์ตับบกพร่อง หรือผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับ หรือโรคไตรุนแรง ผู้ที่มีแนวโน้มความดันโลหิตต่ำเกินไป น้ำตาลในเลือดต่ำ สตรีตั้งครรภ์ สตรีให้นมบุตร ผู้ที่มีร่างกายเย็น หรือรับประทานบอระเพ็ดแล้วมีอาการมื้อเท้าเย็น แขนขาหมดแรง ตาเหลือง ให้หยุดรับประทานเนื่องจากอาจเกิดอาการตับอักเสบ (บอระเพ็ดช่วยลดไข้ ลดความร้อนในร่างกาย การรับประทานติดต่อกันนานๆ อาจจะทำให้ร่างกายเย็นเกินไป มือและเท้าอ่อนแรงได้)
โดย ญาณี จันทร์กล่ำ
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|