เรื่อง กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ลดภาระของรัฐ
รัฐบาลเดินหน้าจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นมาตรการสำคัญที่จะดูแลผู้สูงอายุของประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน เสนอให้จัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘
สาระสำคัญของ กบช. บังคับให้ผู้ประกอบการเอกชนทุกแห่งตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้างเพื่อจะได้มีเงินออมไว้ใช้ในยามเกษียณอายุ โดยกฎหมายนี้จะเริ่มใช้บังคับในปี ๒๕๖๐ เบื้องต้นจะบังคับใช้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีลูกจ้างกว่า ๑๐๐ คนขึ้นไป การออกกฎหมาย กบช. ทำให้ดูแลผู้สูงอายุให้มีรายได้หลังจากเกษียณอายุงาน และครอบคลุมกับทุก ๆ กลุ่ม ที่ผ่านมาแรงงานในระบบถึงแม้ไม่อยู่ในระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคสมัครใจ แต่ยังอยู่ในระบบกองทุนประกันสังคม แม้รายได้ที่ได้รับหลังเกษียณอายุจากกองทุนประกันสังคมจะน้อย ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ แต่รายได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การออกกฎหมาย กบช. ยังเป็นการช่วยลดภาระของรัฐบาลในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นรวดเร็ว เพราะการดูแลผู้สูงอายุผ่านเบี้ยยังชีพเดือนละ ๖๐๐-๑,๐๐๐ บาทไม่มากพอสำหรับยังชีพ แต่รัฐบาลไม่สามารถให้เงินเพิ่มได้ เพราะงบประมาณมีจำกัด ดังนั้น การตั้ง กบช.เป็นการบีบบังคับให้แรงงานนอกระบบได้ออมเงิน โดยผู้ประกอบการช่วยออมให้อีกแรงหนึ่ง ซึ่งถือว่าผู้ประกอบการช่วยอุ้มแรงงานให้มีรายได้ใช้เมื่อสูงอายุนั่นเอง อย่างไรก็ตาม การตั้ง กบช. แม้จะเป็นประโยชน์กับแรงงานในระบบอีก ๑๑ ล้านคนให้มีเงินออม และเป็นประโยชน์กับรัฐบาลที่ลดภาระการดูแลผู้สูงอายุในอนาคต แต่การตั้ง กบช.ยังถือว่าเป็นภาระกับผู้ประกอบการเช่นกัน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า การตั้งกองทุนภาคบังคับดังกล่าว ไม่กระทบกับผู้ประกอบการ เพราะผู้ประกอบการที่มีการจ้างแรงงานจำนวนตั้งแต่ ๑๐๐ คนขึ้นไป ถือว่าเป็นกิจการที่มีขนาดใหญ่ มีฐานะการเงินดีในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี บริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้สูง แต่ไม่มีการตั้งกองทุนให้กับลูกจ้าง ถือเป็นการเอาเปรียบในระดับหนึ่ง การจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ขึ้น เพื่อให้เจ้าของกิจการดูแลส่งเสริมลูกจ้างให้ออมเงิน ผู้ประกอบการที่ไม่ประสงค์จัดตั้งกองทุนฯ เนื่องจากต้องการลดต้นทุนดำเนินงาน เมื่อมีกองทุนภาคบังคับทำให้แรงงานอีก ๑๑ ล้านคนได้เข้าระบบ ที่ผ่านมาแรงงานในระบบแม้ไม่อยู่ในระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคสมัครใจ แต่ยังอยู่ในระบบกองทุนประกันสังคม ขณะเดียวกันรัฐบาลมีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ดูแลข้าราชการประมาณ ๑ ล้านรายให้มีรายได้หลังเกษียณ หรือการตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมให้กับแรงงานนอกระบบอีกจำนวน ๒๔ ล้านคนให้เกิดการออมตั้งแต่อายุ ๑๕ ปีขึ้นไป ปัจจุบัน กอช.มีสมาชิกแล้ว ๕ แสนคน และตั้งเป้าในปีแรกนี้ให้ได้สมาชิก ๑ ล้านคน.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|