เรื่อง เศรษฐกิจโลกที่ยังส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย
นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผยว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปีนี้ (พ.ศ. ๒๕๕๙) จะขยายตัวใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ ๓.๓-๓.๕ เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่ผันผวนหรือรุนแรงมากกว่าครึ่งปีแรก เป็นโอกาสสำหรับการลงทุน
สำหรับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังหลัก ๆ จะมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศ แต่ไม่ผันผวนรุนแรงเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อต้นปีมีความผันผวนจากเศรษฐกิจจีน หรือกรณีสหราชอาณาจักรทำประชามติที่สร้างความไม่แน่นอน และมีผลกระทบต่อการเติบโตของอังกฤษ อียู และเศรษฐกิจอื่น แต่การประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอยู่ในวงจำกัด ไม่มีการปรับลงมาก แต่มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกจาก ๓.๒ เปอร์เซ็นต์เหลือ ๓.๑ เปอฺร์เซ็นต์ ทำให้ต้องลดประมาณการการค้าโลกเหลือ ๒.๘ เปอร์เซ็นต์ ส่วนการส่งออกติดลบ ๑.๙ เปอร์เซ็นต์จากที่คาดว่าจะติดลบ ๑.๗ เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ความผันผวนตลาดการเงินโลก ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในเอเชียและประเทศไทยมากขึ้นส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ ๓๕-๓๖ บาท/เหรียญสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันคาดว่าอยู่ที่ ๓๕-๔๕ เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล การปรับลดประมาณการเศรษฐกิจและการค้าโลกลง แต่ตลาดเงินจะกดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำเป็นต้องดูแลค่าเงินให้เคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้องกับภูมิภาคเพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้ผู้ประกอบการส่งออก
สำหรับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้สำคัญของไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่ง สศช.คาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น ๓๓.๕ ล้านคน ซึ่งประมาณการนี้ไม่รวมเหตุการณ์ระเบิดในจังหวัดภาคใต้หลายแห่ง แต่เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงสามารถเข้ามาดูแลสถานการณ์ได้ ทางด้านนายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การลงทุนของภาคเอกชนช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น ล่าสุด จีดีพีไตรมาส ๒ ของปีนี้อยู่ที่ ๓.๕ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนอันดับแรก คือ ความคึกคักของตลาด ผลิตสินค้าสามารถขายมีกำไร ขณะนี้รายได้ภาคเกษตรเริ่มฟื้นตัว ทำให้กำลังซื้อของเกษตรกรกลับสู่ภาวะปกติ เห็นได้จากยอดขายรถกระบะของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัว นอกจากนี้ นักค้าเงินธนาคารพาณิชย์กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ปิดตลาดที่ระดับ ๓๔.๖๑ บาท/เหรียญสหรัฐ เป็นอัตราที่แข็งค่ามากที่สุดในรอบปีกว่า อันมีผลมาจากหลายปัจจัยทั้งเงินทุนไหลเข้า ทำให้ตลาดลดความคาดหวังต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐลง ประกอบกับไทยมีปัจจัยบวก คือ การประกาศอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) โดยในไตรมาส ๒ คาดว่าจีดีพีออกมาที่ ๓.๕ เปอร์เซ็นต์
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เผยว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้อาจจะขยายตัวได้ถึง ๓.๕ เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากภาคการเงินการคลังของประเทศเข้มแข็ง การลงประชามติผ่านไปเรียบร้อย การใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง และเหตุระเบิดไม่กระทบกับเศรษฐกิจไทย รวมถึงไม่จำเป็นต้องออกมาตรการมาดูแลการท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|