เรื่อง วิธีป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์เรานิยมเลี้ยงมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใด เพราะสุนัขเป็นมิตรกับมนุษย์ เลี้ยงง่ายและมีประโยชน์ในด้านต่างๆ เลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อนในยามเหงา เลี้ยงไว้เพื่อสร้างความเพลิดเพลินหรือเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน เฝ้าสวน สุนัขมีหลากหลายสายพันธุ์ ด้วยความน่ารักแสนรู้ ในแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างและความสามารถที่โดดเด่นต่างกันไป แต่สัตว์เลี้ยงที่น่ารักนี้อาจกลายเป็นสัตว์ที่เป็นอันตรายและนำพาซึ่งโรคร้ายสู่เจ้าของได้เช่นกัน ถ้าไม่ได้รับการดูแลและการป้องกัน โรคที่พบในสุนัขส่วนใหญ่ก็คือโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้า(Rabies)หรือที่ชาวบ้านทั่วๆ ไปนิยมเรียกว่า "โรคกลัวน้ำ" (Hydrophobia) ส่วนในภาษาอีสานเรียก "โรคหมาว้อ" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสจากสัตว์สู่คน ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลางที่มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต พบเกิดในสัตว์เลือดอุ่นทุกชนิด ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าและยังติดต่อมาสู่มนุษย์ พาหะนำโรคที่สำคัญที่สุดสู่มนุษย์ และสัตว์อื่นๆ คือ สุนัข รองลงมาคือแมว พาหะนำเชื้อที่สำคัญในบ้านเราคือ สุนัขและแมว ฉะนั้นเราต้องมีวิธีการดูแลตนเองเพื่อการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโดย 5 วิธี ดังนี้
1. ผู้ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่ว่าจะเป็นหมา แมว กระรอก กระต่าย หนูชนิดที่เป็นสัตว์เลี้ยง ลิง ควรพาสัตว์ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าตามที่สัตวแพทย์กำหนด
2. สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ เช่น หมู วัว ควาย แพะ แกะ ม้า แม้ว่าจะพบโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เหล่านี้ได้บ้าง แต่ไม่พบมีความสำคัญในการนำโรคมาสู่คน จึงไม่จำเป็นต้องพาสัตว์ไปฉีดวัคซีน แต่ถ้าคนถูกสัตว์เหล่านี้กัด คนต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการฉีดวัคซีน
3. บุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคสูง ได้แก่ สัตวแพทย์และผู้ช่วย คนเพาะสัตว์เลี้ยงขาย ร้านขายสัตว์เลี้ยง เจ้าหน้าที่กำจัดสุนัขและแมวจรจัด เจ้าหน้าที่บ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ เร่ร่อนต่างๆ บุรุษไปรษณีย์ ผู้ที่ทำงานในห้องแลปที่ต้องเกี่ยวข้องกับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าควรได้รับวัคซีนแบบป้องกันล่วงหน้า (Preexposure prophylaxis) คือให้ฉีดวัคซีนในวันที 1, 3 และ 21 หรือ 28 และให้ฉีดกระตุ้นซ้ำ 1 เข็มทุกๆ 5 ปี
4. ผู้ที่ในอดีตเคยได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าครบ 5 เข็มหรืออย่างน้อย 3 เข็มแรกที่ตรงตามนัด เมื่อถูกสัตว์กัดอีกไม่จำเป็นต้องได้รับสารภูมิคุ้มกันต้านทาน แม้จะมีแผลชนิดเลือดออก
ให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นเพียง 2 เข็มภายในวันที่ 1 และ 3 โดยจะฉีดแบบเข้ากล้ามหรือเข้าผิวหนังก็ได้ แต่ถ้าฉีดเข็มสุดท้ายมายังไม่เกิน 6 เดือนอาจกระตุ้นแค่เพียง 1 เข็ม บางคำแนะนำบอกว่า ถ้าเข็มสุดท้ายเลย 5 ปีมาแล้ว ให้เริ่มต้นใหม่เหมือนคนยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน แต่สถานเสาวภาแนะนำว่า ไม่ว่าจะเคยได้รับมากี่ปีแล้วก็ตาม ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ ให้ฉีดกระตุ้นก็เพียงพอ
5. หญิงตั้งครรภ์สามารถรับวัคซีนและสารภูมิคุ้มกันต้านทานได้ ไม่มีผลข้างเคียงกับทา รกในครรภ์
การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ดีที่สุดคือ ระวังอย่าให้ถูกสุนัขกัดหรือแมวกัด เพราะการติดเชื้อ ส่วนใหญ่จะมาจากน้ำลายสัตว์ที่เป็นโรคอยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุด คือ การเสริมภูมิคุ้มกันในสุนัข ซึ่งเป็นสัตว์นำโรคหลัก รวมทั้ง การควบคุมจำนวนสุนัข
โดย นันทิตา บำรุงกลาง
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|