เรื่อง ให้ทาง = ช่วยชีวิต ความดีที่คุณทำได้
วี้หว่อ วี้หว่อ เสียงไซเรนขอทางจากรถพยาบาลดังมาแต่ไกล เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินขณะอยู่บนท้องถนน ทั้งที่เป็นผู้ขับรถเอง หรือเป็นผู้โดยสารรถสาธารณะ เคยสงสัยไหมว่าเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อได้ยินเสียไซเรนจากรถพยาบาล ควรหลบรถชิดทางซ้ายหรือชิดทางขวาดี วันนี้ คณะกรรมการบูรณาการประสานงานกรณีกู้ชีพฉุกเฉิน ภายใต้การทำงานร่วมกันของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 27 แห่ง ได้ออกแคมเปญรณรงค์ “ให้ทาง = ช่วยชีวิต ความดีที่คุณทำได้” เพื่อให้การกู้ชีพฉุกเฉินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดการสูญเสียชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินให้ได้มากที่สุด โดยแต่ละหน่วยงานจะรับผิดชอบในการดำเนินการด้านต่าง ๆ ตามกรอบแนวทางการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินช่วงก่อนถึงโรงพยาบาลเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ
เบื้องต้นคณะทำงานได้ดำเนินการในการจัดการจราจรโดยการเตรียมตีเส้นจราจร "ช่องทางรถฉุกเฉิน" (Emergency Lane) นำร่องในพื้นที่เขต 8 ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับรถฉุกเฉินที่จะมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งจะเริ่มจากบริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ใกล้จุดตัดถนนวิภาวดีฯ มุ่งหน้าฝั่งขาเข้า ขึ้นสะพานข้ามแยกสามเหลี่ยมดินแดง ลงถนนราชวิถี ต่อเนื่องอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เข้าไปในโรพยาบาลราชวิถี สิ้นสุดที่จุดรับผู้ป่วยฉุกเฉิน (ER) ซึ่งผู้ใช้รถสามารถสัญจรทับเส้นประสีแดงได้ตามปกติ เมื่อรถฉุกเฉินวิ่งมา ค่อยเบี่ยงออกจากช่องทางดังกล่าว นอกจากนี้ยังเตรียมจัดแผนให้ตำรวจจราจรขี่รถจักรยานยนต์นำรถฉุกเฉิน และอำนวยความสะดวกสัญญาณไฟจราจรอีกด้วยโดย "ช่องทางรถฉุกเฉิน" (Emergency Lane) นี้ จะเป็นช่องที่ตีโดยเส้นประสีแดงเป็นแนวยาวไปตลอดเส้นทาง อยู่คร่อมระหว่างช่องทางรถเมล์ และช่องทางปกติ มีความกว้าง 2.60 เมตร ตรงกลางมีตราสัญลักษณ์กาชาดสีขาวอยู่ในพื้นวงกลมสีแดง และมีป้ายจราจรแจ้งให้ประชาชนทราบ โดยในเวลาปกติ ผู้ใช้รถสามารถสัญจรได้ในช่องทางตามปกติ แต่หากระหว่างนั้นมีรถฉุกเฉินขณะปฏิบัติหน้าที่กำลังวิ่งขอทางมาด้านหลัง รถทุกคันจะต้องให้ทางตามกฎหมาย เพียงรถเมล์ขยับชิดซ้ายสุด ส่วนรถยนต์ทั่วไปขยับชิดขวาออกจาก "ช่องทางรถฉุกเฉิน" รถฉุกเฉินก็จะสามารถผ่านไปได้โดยไม่ต้องติดขัด และห้ามไม่ให้รถทั่วไปฉวยโอกาสขับตามหลังรถฉุกเฉินตามกฎหมาย ขณะที่บริเวณทางเข้าโรงพยาบาลราชวิถี จะมีสัญญาณไฟวับวาบเพื่อแจ้งล่วงหน้าให้ผู้ใช้ทางทราบหากมีรถฉุกเฉินกำลังมุ่งหน้าเข้าโรงพยาบาล เพื่อเว้นช่องว่างตามที่มีการตีเส้นจราจร
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร จะเริ่มตีเส้นได้ในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ โดยใช้เวลาประมาณ 5 วัน และจะเริ่มใช้จริงได้ทันที เพราะขออนุญาตถูกต้อง ไม่ต้องปรับแก้กฎหมายใดเพิ่ม จากนั้นจะติดตามประเมินผล 2 สัปดาห์ หากเป็นประโยชน์จะขยายไปในเส้นทางอื่นต่อไป
สุดท้ายนี้ อย่าลืม!! ความดีที่ทุกคนทำได้ง่าย ๆ “ให้ทาง = ช่วยชีวิต ความดีที่คุณทำได้” เพื่อช่วยผู้ป่วยอีกหลายชีวิต เพราะเราไม่สามารถทราบได้ว่า คนที่อยู่บนรถฉุกเฉินนั้น วันหนึ่งอาจจะเป็นญาติหรือคนที่เรารักก็ได้
โดย ธัญลักษณ์ ฉิมดี
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|