เรื่อง เกษตรแปลงใหญ่
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมาแต่โบราณ ประชาชนส่วนใหญ่ หาเลี้ยงชีพจากการทำการเกษตรตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย แต่ปัจจุบันเกษตรกรจำนวน ไม่น้อยยังคงยากจนและประสบปัญหาด้านการเพาะปลูก ฟ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยยังไม่ดีเท่าที่ควร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พยายามหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น โดยมีแนวคิดเรื่อง การจัดการบริหารการเกษตรแบบ "แปลงใหญ่" ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 และได้มีการนำไปประยุกต์ใช้กับหลายโครงการ ทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์
การส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่นี้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยมีการรวมตัวกันผลิตสินค้าทางการเกษตรร่วมกัน มีการบริหารจัดการร่วมกันตั้งแต่รวมกันผลิต การจัดหาปัจจัยการผลิต รวมถึง การจำหน่าย ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและสามารถแข่งขันในตลาดได้ ภายใต้การสนับสนุนและบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร และหน่วยงาน ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาการผลิตอย่างยั่งยืนตามหลักการบริหารตามแนวประชารัฐ ทั้งนี้ควรยกระดับมาตรฐานสินค้าสหกรณ์ด้วยการให้อย่างน้อย 1 จังหวัด 1 สหกรณ์
สำหรับหลักการดำเนินงานที่สำคัญมีทั้งสิ้น 7 ประการคือ
1. เลือกพื้นที่ที่เหมาะสม รวมแปลงเล็กให้เป็นแปลงใหญ่ มีการรวมกลุ่ม ของเกษตรกร
2. มีผู้จัดการแปลง (Field Manager) ที่มีความสามารถ
3. มีการกำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการ (Action Plan) 4. มีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับพื้นที่ (Site Specific Technology) – ลดต้นทุน/ เพิ่มคุณภาพ
5. มีการกำหนดมาตรฐานการผลิต (GAP/GI/Organic)
6. มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการใช้เครื่องจักรกลการเกษตร
ที่เหมาะสม
7. มีกิจกรรมเสริมเพิ่มรายได้และเชื่อมโยงตลาด
8. ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าจะผลักดันให้เกิดโครงการเกษตรแปลงใหญ่ จำนวน 1,000 แห่ง ในปี 2560 เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เลี่ยงความเสี่ยงภัย แล้ง - น้ำท่วม พร้อมจัดหาตลาดครบวงจรให้กับเกษตรกร และจะส่งเสริมการรวมกลุ่มปลูกผลไม้ ป้อนตลาดจีน โดย พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล่าสุดการส่งเสริมนาแปลงใหญ่ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงซื้อขายผลผลิตข้าว ระหว่างกลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่กับโรงสีหรือสหกรณ์ที่รับซื้อข้าวทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันสนับสนุนตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เป็นการรับประกันว่าผลผลิตข้าวของเกษตรกรจะมีผู้รับซื้อแน่นอน หลังจากที่ภาครัฐ ช่วยจัดหาเครื่องจักร อุปกรณ์การเกษตรแนะนำวิธีเพาะปลูกและเจรจาต่อรองให้แล้ว นอกจากนี้รัฐบาลยังลงนามความร่วมมือกับภาคเอกชนของจีนเพื่อให้รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร รวมถึงช่วยป้องกันเกษตรกรถูกเอาเปรียบจากบริษัทเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการออกกฎหมายเกษตรพันธสัญญาโดยจะต่อยอดให้กระทรวง ที่เกี่ยวข้องเข้ามาบริหารจัดการในรายละเอียดต่อไป
หากโครงการเกษตรแปลงใหญ่สามารถดำเนินการไปได้ตามเป้าหมาย ที่รัฐบาลตั้งไว้ น่าจะช่วยให้เกษตรกรได้ลดต้นทุน มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น มีอำนาจต่อรองราคามากขึ้น ทั้งยังหมดปัญหาการขาดตลาดรองรับสินค้าอีกด้วย ซึ่งปัจจัยด้านบวกเหล่านี้จะส่งผลให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนอย่างแน่นอน
โดย ปัทมาวดี เหลือสม
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|