เรื่อง โครงการพี่ช่วยน้องทางเศรษฐกิจ
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยว่า ทางสภาอุตสาหกรรมฯ ต้องการให้ภาครัฐเร่งประกาศโครงการพี่ช่วยน้อง เมื่อบริษัทที่มีขนาดใหญ่มีโครงการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีจะได้รับการลดหย่อนภาษี อีกทั้งเพื่อกระตุ้นให้บริษัทขนาดเล็กและธุรกิจเอสเอ็มอีได้มีโอกาสไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าธุรกิจเอสเอ็มอีไทยยังเข้าไปลงทุนในต่างประเทศน้อยมากแตกต่างจากบริษัทขนาดใหญ่ ทั้งนี้ด้วยสาเหตุที่บริษัทไทยที่ไปลงทุนมีอุปสรรคในเรื่องของภาษา หรือบุคลากรที่ยังขาดทักษะ ขาดความสามารถในระดับสูง จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ภาคเอกชนไทยต้องเร่งการปรับตัว พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพสูงขึ้น
ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เร่งกระตุ้นให้ภาคเอกชนเข้าไปลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นโอกาสอย่างมากแก่ธุรกิจไทย เพราะตลาดการค้าในแต่ละประเทศกำลังเติบโต อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญเชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มสมาชิกอาเซียน รวมทั้งนโยบายภาครัฐที่พร้อมจะให้การส่งเสริม หรือให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนยังต่างประเทศ รวมถึงมีเครือข่ายของสถาบันการเงินที่พร้อมจะให้การช่วยเหลือแก่ธุรกิจด้วยเช่นกัน จากผลการศึกษาพบว่า ประเทศที่นักธุรกิจไทยต้องการเข้าไปลงทุนมากที่สุด คือ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เนื่องจากมีพื้นฐานภาษาใกล้เคียงกัน ขณะเดียวกัน นักธุรกิจไทยจำเป็นต้องมองหาตลาดการค้าอื่น ๆ ที่กำลังเติบโตประกอบการตัดสินใจด้วย
ทั้งนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังออกมาตรการยกเว้นภาษีสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เข้าไปช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก (โครงการพี่ช่วยน้อง) โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายไปหักลดหย่อนภาษีได้ถึง ๒ เท่า ซึ่งมติดังกล่าว ได้ผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยให้กระทรวงการคลังออกประกาศ และจัดทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงวัตถุประสงค์ เงื่อนไขการยกเว้นภาษี และคุณสมบัติของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติดังกล่าว.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|