เรื่อง เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนออกกำลังกาย
การออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยเพิ่มคลอเลสเตอรอลดี (HDL) และลดคลอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) ลดระดับความดันโลหิต ช่วยไม่ให้หลอดเลือดอุดตัน ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำจึงลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม หากยังไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลย เมื่อเริ่มออกกำลังกายจะทำให้เหนื่อยง่าย วิธีที่ดีที่สุดก็คือให้เริ่มออกกำลังกายจากกิจวัตรประจำวันก่อน เช่น การเดินหรือขี่จักรยานเมื่อไปที่ไกล ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน ทำงานบ้านด้วยตัวเอง ล้างรถด้วยตัวเอง โดยกิจวัตรประจำวันเหล่านี้ให้ทำทุกวันเป็นระยะเวลา ๒ – ๓ เดือน หลังจากนั้นให้เพิ่มการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น อาจเริ่มด้วยการเดินเร็วขึ้นสลับกับเดินช้า ขี่จักรยานให้นานขึ้น ขุดดิน ทำสวน ทำงานบ้านต่าง ๆ มากขึ้น เล่นกีฬาที่ออกแรงมากขึ้น การออกกำลังกายที่ กล่าวมาทั้งหมดนี้ หากทำจนเคยชินและร่างกายฟิตพร้อมแล้วก็ค่อยเพิ่มการออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก ๆ ขึ้นได้ เพราะเท่ากับได้ปรับสภาพร่างกายไว้พร้อมแล้ว
นอกจากการปรับร่างกายให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกายแล้ว การวอร์ม ก่อนวิ่งก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักวิ่งออกกำลังกาย โดยวอร์มร่างกายให้พร้อมด้วยการเดินเร็ว ๆ หรือการเดินเหยาะ ๆ จนกว่าเหงื่อจะซึม ทั้งนี้ เพื่อให้อุณหภูมิในกล้ามเนื้อสูงขึ้น ความฝืดของกล้ามเนื้อลดลง เพราะถ้าฝืนวิ่งขณะกล้ามเนื้อยังเย็นอยู่อาจทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาด บาดเจ็บหรืออักเสบได้ หากทำอย่างนี้บ่อย ๆ แทนที่ร่างกายจะสมบูรณ์แข็งแรง อาจจะทำให้เสียสุขภาพแทน การวอร์มเพื่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนวิ่งจึงมีความสำคัญมาก ควรทำให้ติดเป็นนิสัยเพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
อาหารเพื่อการออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ออกกำลังกายทุกคนต้องดูแลทั้งการรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกาย อาหารหลังการออกกำลังกายและ ก่อนนอน การออกกำลังกายทำให้ร่างกายต้องการพลังสูง และการเผาผลาญพลังงานจะเกิดขึ้นง่ายและเร็ว ก่อนออกกำลังกายควรกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล ขนมหวาน เพราะอาหารเหล่านี้ย่อยง่าย หรืออาจจะกินอาหารไขมันต่ำ เช่น โยเกิร์ต ผลไม้ น้ำผลไม้ แซนด์วิชทูน่า หรือเนื้อไม่ติดมันก็ได้ ส่วนหลังการออกกำลังกายอย่าเพิ่งรับประทานอาหารทันที ควรพักให้ร่างกายปรับอุณหภูมิและระบบการทำงานให้คืนสู่สภาพปกติเสียก่อน จิบน้ำหรือรับประทานผลไม้แบบมีกากทีละน้อยแทนจะดีกว่า การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องหักโหมมาก หากไม่สนุกกับการวิ่งอาจใช้การเดินหรือ วิ่งเหยาะ ๆ หรือขี่จักรยานไปกับที่ก็ได้ แต่ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๓ วัน ครั้งละประมาณ ๓๐ นาที เพียงเท่านี้ร่างกายก็จะแข็งแรง อวัยวะอื่น ๆ เช่น หัวใจ กล้ามเนื้อก็แข็งแรงตามไปด้วย
โดย ธนัชพร ถ้ำสิงห์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|