เรื่อง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับการอ่าน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร ทรงสนพระราชหฤทัยในวิชาความรู้หลายแขนง ทรงเป็นนักคิด นักค้นคว้า และทรงเป็นนักอ่าน พระองค์ท่านทรงถ่ายทอดความรู้ต่าง ๆ ให้กับพสกนิกรของพระองค์อย่างสม่ำเสมอ หลายครั้งยังทรงย้ำอย่างชัดเจนถึงความสำคัญ ของการอ่านที่เป็นรากฐานการพัฒนาความรู้ และสติปัญญาให้เจริญงอกงาม ดั่งพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งที่พระราชทานในพิธีเปิดงานปีหนังสือแห่งชาติ 4 กุมภาพันธ์ 2515 ที่ว่า “หนังสือเป็นเสมือนคลังที่รวบรวมเรื่องราว ความรู้ความคิด วิทยาการทุกด้านทุกอย่าง ซึ่งมนุษย์ได้เรียนรู้ ได้คิดอ่าน และเพียรพยายาม บันทึกรักษาไว้ด้วยลายลักษณ์อักษร หนังสือไปถึงที่ใด ความรู้ความคิดก็แพร่ไปถึงที่นั่น หนังสือจึงเป็นสิ่งมีค่า และมีประโยชน์ ที่จะประมาณมิได้ในแง่ที่เป็นบ่อเกิดแห่งการเรียนรู้ของมนุษย์” ดังนั้น การอ่านหนังสือ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาความก้าวหน้าของมนุษย์ เพื่อให้ชีวิตมีความมั่นคง และเป็นแหล่งค้ำจุนชีวิตให้มีความสุขได้
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกล่าวว่า “หนังสือ คือ ธนาคารความรู้ ถ้าอ่านหนังสือแล้วต้องคิดด้วยหลักเหตุผล เพราะการเรียนรู้ลักษณะแรก คือ การเรียนรู้ หรือรับความรู้ของผู้อื่นจากการฟัง การอ่าน สังเกต จึงต้องรู้ตามเขา โดยยังมิได้พิจารณา พิสูจน์ สอบสวน อาจถูกผิด ดี ชั่ว มีประโยชน์ หรือไม่มีประโยชน์ จึงต้องศึกษาให้กว้างขวางไว้เป็นพื้นฐานก่อน ให้อ่านกว้างๆ เยอะๆ และทรงแนะนำว่า ให้คิดว่าหนังสือที่เราอ่านเป็นความรู้ของคนอื่นยังไม่ประทับตราอยู่ในสมองซึ่งเป็นความรู้ ของเรา ใช้หลักเหตุผลจนกระทั่งเกิดเป็นความรู้ที่ประทับอยู่ในสมองของเราจนมันกลายมาเป็นความรู้ของเรา
การอ่านจึงสำคัญตรงที่ต้องศึกษาเพื่อให้เกิดความ "ฉลาดรู้" คือ รู้แล้วสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงๆ โดยไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร จึงเรียกว่า "ฉลาดรู้" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า "intelligent" โดยสรุปจึงแยกได้ 3 คำ คือ ความรู้ ปัญญา ความฉลาดรู้ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ ก็คือ "knowledge" "wisdom" และ "intelligent" โดย "intelligent" นั้นต้องเอาไปใช้ได้ด้วย เพราะฉะนั้น ความรู้ในความหมายของพระองค์ท่านนั้น การอ่านมี 2 ระดับ คือ ระดับที่ 1 เราต้องไปอ่านความรู้คนอื่น ส่วนระดับที่ 2 เราเอามาคิดใคร่ครวญ จำไว้เป็นความคิดของเรา ตอนนี้เป็นสมบัติของเราใครเอาไปก็ไม่ได้ ก่อให้เกิดความรู้ หรือเรียกว่า "knowledge" และถ้าเชื่อมโยงความรู้ของเราที่มีอยู่ก่อนกับความรู้ใหม่ที่เข้ามา จะเกิดเป็น "ปัญญา" หรือเรียกว่า "wisdom" เรื่องสุดท้ายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเตือน คือ การเอาความรู้ไปใช้ พระองค์ท่านใช้คำว่า "ความฉลาดรู้" คือ รู้แล้วต้องเอาไปใช้ได้ เพราะความรู้นั้นสำคัญยิ่งใหญ่ เพราะเป็นปัจจัยให้เกิดความฉลาด ความสามารถ และความเจริญก้าวหน้า อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สิ่งหนึ่งที่คนไทยสามารถตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือ เวลาพระองค์ท่านสอนอะไร ควรนำมาศึกษาดูและปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ท่าน ก็ถือว่าเป็นการตอบแทน พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านแล้ว ซึ่งคำว่า คำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เรียกเป็นราชาศัพท์ว่า "พระบรมราโชวาท"
อ้างอิงข้อมูล : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 12 มิถุนายน 2549 หน้า 11
: พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่ 9 พระราชทานในพิธีเปิดงานปีหนังสือแห่งชาติ
4 กุมภาพันธ์ 2515
โดย ณัฐชยา เหมือนสมหวัง
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|