เรื่อง กฎหมายใหม่ กยศ. เพิ่มอำนาจเข้าถึงข้อมูลลูกหนี้
ร่างพระราชบัญญัติกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ขณะนี้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ โดยเหลือเพียงประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น
จากปัญหาผู้กู้ที่เรียนจบ มีงานทำแล้ว แต่ไม่ยอมชำระหนี้ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาฉบับใหม่ มาตรา ๕๑ กำหนดให้นายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชนที่รับลูกหนี้ กยศ.เข้าทำงาน มีหน้าที่หักเงินรายได้ของลูกจ้างนำส่งให้กับกรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ ด้วยวิธีการและกำหนดเวลาเดียวกับการจ่ายภาษีอากรที่นายจ้างมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่จ่ายค่าตอบแทนอยู่แล้ว และกรมสรรพากรจะส่งต่อให้กองทุน กยศ.ต่อไป ซึ่งระบบนี้จะทำให้กองทุนได้รับชำระหนี้แน่นอน ทำให้ลูกหนี้ไม่มีโอกาสได้รับเงินค่าตอบแทนจากการทำงานเพื่อบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของตัวเอง แต่จะถูกหักไปตั้งแต่ต้น
มาตรา ๔๒ (๒) กำหนดให้ผู้กู้เงินกองทุน กยศ. มีหน้าที่ต้องแจ้งให้กับนายจ้างทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่เริ่มทำงานว่า มีสถานะเป็นหนี้กองทุน กยศ.อยู่เท่าใด เพื่อให้นายจ้างหักเงินเดือนนำส่งกรมสรรพากรได้ถูกต้อง
มาตรา ๕๑ วรรคสอง กำหนดว่า ในการหักเงินเดือนของนายจ้าง ให้หักเงินเดือนเพื่อจ่ายภาษีอากรก่อนเป็นอันดับแรก หักเงินจ่ายกองทุน กยศ.เป็นอันดับที่สอง ถือเป็นความสำคัญที่มาก่อนการหักเงินเดือนไปจ่ายกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม หรือการหักเงินตามกฎหมายอื่น
มาตรา ๕๐ กำหนดให้กองทุน กยศ. มี “บุริมสิทธิ” เหนือทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนี้ หากลูกหนี้ กยศ.ยังมีภาระต้องชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ให้นำทรัพย์สินของลูกหนี้มาใช้หนี้ให้กับกองทุน กยศ.ให้หมด ก่อนที่จะแบ่งไปใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้รายอื่นด้วย
นอกจากนี้ ร่างกฎหมาย กยศ.ฉบับใหม่ ยังให้อำนาจเพิ่มแก่กองทุน กยศ.คือ การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกหนี้ ซึ่งมาตรา ๔๕ กำหนดว่าการติดตามชำระเงิน ให้กองทุนมีอำนาจขอข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้จากทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน หรือบุคคลใดที่ครอบครองข้อมูลอยู่ รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินให้แก่หน่วยงานและบุคคลที่ร้องขอ
ขณะเดียวกัน มาตรา ๔๒ (๓) กำหนดให้ผู้กู้เงินกองทุน กยศ.มีหน้าที่ต้องยินยอมล่วงหน้าให้กองทุนมีอำนาจเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูล ข้อสังเกตประเด็นอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
-เมื่อมีกฎหมาย มาตรา ๔๒ (๓) ให้เป็นอำนาจของผู้กู้ที่จะต้องให้ความยินยอม หากไม่ยินยอมก็ไม่สามารถกู้เงินได้ จะถือเป็นความยินยอมโดยชอบธรรมของเจ้าของข้อมูล ได้หรือไม่
-ขณะที่มาตรา ๔๕ (๒) กำหนดให้กองทุนมีอำนาจเปิดเผยข้อมูลตามที่มีการร้องขอ โดยไม่ได้จำกัดไว้ว่า การร้องขอนั้นต้องเป็นไปเฉพาะเพื่อดำเนินกิจการของกองทุนหรือไม่ อำนาจเช่นนี้อาจเปิดช่องให้กองทุนมีอำนาจเปิดเผยข้อมูลของลูกหนี้ให้กับผู้ที่ถูกร้องขอมาเพื่อทำกิจการอื่น ที่ไม่เกี่ยวกับการติดตามชำระหนี้ก็ได้.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|