เรื่อง การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายของไทยในสายตาอียู
จากประเด็นปัญหาการประมงผิดกฎหมายของไทยที่ถูกต่างชาติจับตามองถึงสถานการณ์ที่สหภาพยุโรป (อียู) แจกใบเหลืองให้กับประเทศไทย เนื่องจากอียูมองว่าไทยไม่ได้แสดงถึงความพยายามอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมต่อการขจัดปัญหาดังกล่าวอย่างเพียงพอ จึงให้ใบเหลืองแก่ไทยเพื่อเป็นการตักเตือนอย่างเป็นทางการเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ IUU Fishing และหากประเทศไทยไม่รีบดำเนินการแก้ไข อียูอาจเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าอาหารทะเลจากประเทศที่เพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหา IUU fishing ดังนั้น รัฐบาลจึงได้มีการแก้ไขกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้มีการดำเนินงานเป็นไปตามหลักสากล โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎหมาย แผนการทำงาน และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในด้านการประมงผิดกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่ชัดเจนในหลายด้านของการดำเนินงานของรัฐบาลไทย
โดยเมื่อวันที่ ๑ - ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ คณะผู้แทนจากรัฐสภายุโรปเดินทางมายังประเทศไทย ได้เข้าพบหารือกับผู้แทนศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมง ผิดกฎหมาย (ศปมผ.) กระทรวงแรงงาน กรมประมง กรมเจ้าท่า รวมทั้งเข้าเยี่ยมชม ศูนย์จัดการประมง (FMC) และการทำงานของระบบ VMS องค์การสะพานปลา และศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า - ออก (PIPO) จ.สมุทรสาคร
คณะผู้แทนกรรมาธิการประมง (PECH) รัฐสภายุโรป ได้ลงพื้นที่และติดตาม การดำเนินงานของไทย โดยสหภาพยุโรปจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการต่อสู้กับปัญหาการทำประมงที่ไม่ถูกต้อง การค้ามนุษย์ และการเอารัดเอาเปรียบแรงงานในอุตสาหกรรมประมง และหากไทยสามารถปรับปรุงกฎระเบียบด้านการประมงสำเร็จและบังคับใช้ได้อย่างจริงจัง ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการจากสหภาพยุโรป ได้ให้คำแนะนำในสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องพยายามเพิ่มในการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย คือ การจัดระเบียบและคุ้มครองแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอย่างผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมประมง เพราะอียูมองว่าไม่สามารถแยกเรื่องแรงงานออกจากประเด็นการทำประมงผิดกฎหมายได้ ซึ่งที่ผ่านมาทางการไทยได้ดำเนินการคุ้มครองแรงงานต่างด้าวตั้งแต่การเข้ามาทำงานในประเทศมิให้
ถูกเอาเปรียบ การนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบ การดูแลให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเหมาะสม อำนวยความสะดวกด้านการร้องเรียน การเปลี่ยนนายจ้าง มีการเพิ่มผู้ตรวจแรงงาน ล่าม รวมถึงการออกหนังสือคนประจำเรือและการสัมภาษณ์แรงงาน และร่วมมือกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และ NGOs ในการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรฐานสากลและข้อแนะนำของอียู โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาแรงงาน ต่างด้าวควบคู่ไปกับปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งฝากให้กำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่มุ่งมั่น ทุ่มเท ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งอุตสาหกรรมประมงและสิ่งแวดล้อมทางทะเลของไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งหลังจากการเข้าตรวจเยี่ยมคณะผู้แทนอียูมีท่าทีเป็นที่น่าพอใจในการดำเนินการของไทย และอียูจะมีการประกาศผลการพิจารณาการแก้ไขปัญหาของไทยขึ้น คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม ๒๕๖๐
โดย เพ็ญกมล ประเสริฐกุล
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|