เรื่อง การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในปี ๒๕๖๐ หนึ่งในปัญหาใหญ่ของประเทศที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องทำคือ การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลพยายามใช้หลายยุทธศาสตร์เพื่อแก้ปัญหา หนึ่งในนั้นคือ การที่พลเอกประยุทธ์ลงนามแต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.ส่วนหน้า) โดยมีพลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน เมื่อ ๒๒ ธันวาคมที่ผ่านมา คณะผู้แทนพิเศษฯ แถลงข่าวสรุปผลงานพร้อมกับการส่งโรดแมปแก้ปัญหาภาคใต้ให้แก่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อนำแผนงานดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
นายภาณุ อุทัยรัตน์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หนึ่งใน คปต. ส่วนหน้า ประเมินสถานการณ์ฯว่า แม้จะไม่เกิดสันติสุขในทันที แต่ปฏิกิริยาตอบรับจากชาวบ้าน การพร้อมทำงานของภาคราชการ และส่วนที่ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้แทนพิเศษฯ จะเป็นพลังขับเคลื่อนทำให้งานเดินไปได้ ในปี ๒๕๖๐ จะมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมใกล้เคียงกับความสันติสุข พี่น้องประชาชนรู้สึกปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ปัญหาเดือดร้อนได้รับการคลี่คลาย เหตุผลเพราะการขับเคลื่อนโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนที่เป็นรูปธรรมชัดเจน คนมีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ หลังจากคณะผู้แทนพิเศษฯ ส่งมอบโรดแมปแก้ปัญหาภาคใต้แล้ว ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะไปขับเคลื่อนร่วมกัน โดยคณะผู้แทนพิเศษฯ จะติดตามและเสริมให้แผนงานมีความสะดวก เช่น ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โรงงานอุตสาหกรรมเตรียมขยายการผลิต เช่น โรงงานปาล์ม ส่วนที่ อ.เบตง จ.ยะลา เตรียมการเรื่องพลังงานว่าทำอย่างไรให้ไฟฟ้าใน อ.เบตง ไฟต้องไม่ตก การใช้ไฟฟ้ามีความเสถียร สนามบิน
ด่านตรวจคนเข้าเมืองปรับปรุงประสิทธิภาพดีขึ้น ส่วนที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับการส่งออกมีความคืบหน้ามากขึ้น ประชาชนและภาครัฐตื่นตัวกับแผนงานโครงการในพื้นที่ เช่น โครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน การเตรียมพื้นที่เกษตรขนาดใหญ่ นาร้างที่ปล่อยทิ้งไม่ได้ใช้ประโยชน์เตรียมนำมาทำประโยชน์
เป้าหมายการทำโรดแมปคือ การพัฒนาพื้นที่ไปสู่สันติสุข ขับเคลื่อน ตามกรอบ กลุ่มงานภารกิจที่วางไว้ เช่น งานรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน, งานอำนวยความยุติธรรมและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ, งานสร้างความเข้าใจทั้งในและต่างประเทศเรื่องสิทธิมนุษยชน, งานพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่และคุณภาพชีวิตประชาชน, งานแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยสันติวิธี เป็นต้น โดยให้แต่ละงานเดินไปพร้อมกัน มีการประเมินผลกันตลอดทุก ๓ เดือน โดยไตรมาสแรกเน้นการศึกษาข้อมูล การร่วมกันวางแผน คปต.ส่วนหน้าดูแผนงานหากพบว่าล่าช้าจะทำให้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น การบูรณาการการทำงานของหน่วยงานประสานงานจัดเวทีให้ หรือบางโครงการไม่ทันงบประมาณปี ๒๕๖๐ แต่มีความสำคัญจะทำให้ใช้งบประมาณได้ทัน ลดกำลังทหารจากพื้นที่อื่นใช้ทหารจากกองทัพภาคที่ ๔ เพิ่มในพื้นที่ เพิ่มกำลังตำรวจ กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน จัดชุดคุ้มครองตำบลหรือ ชคต. จากการประเมินผลชุดคุ้มครองตำบลเป็นที่พอใจของประชาชนถึงร้อยละ ๘๐ เพราะเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่ รู้ปัญหา รู้พื้นที่อยู่แล้ว สรุปคือแผนงานทั้งหมดต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ต่อไปคือขั้นตอนดำเนินการตามแผนและการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสที่สาม ไตรมาสสุดท้ายจะมีการประเมินผลการทำงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.ส่วนหน้า) ที่ผ่านมา การทำงานน่าพอใจเข้าใจคณะผู้แทนพิเศษฯ ร้อยละ ๘๖ มีการลงพื้นที่ตลอด พบผู้นำศาสนา ประชาชนเป็นคนในพื้นที่และมีความหวังว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|