เรื่อง ความรอบคอบในการแก้ไขปัญหาถ่านหิน
แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องดีและจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการขยายตัวทั้งทางสังคมและทางเศรษฐกิจ แต่วัตถุดิบที่นำมาผลิตกระแสไฟฟ้ายังมีการถกเถียงถึงความเหมาะสม ทั้งด้านต้นทุน ความยั่งยืนในการใช้งานอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ที่สำคัญคือ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ประเด็นโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีแผนที่จะก่อสร้างในพื้นที่ อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ และที่ อ.เทพา จ.สงขลา จึงถูกคัดค้านมาโดยตลอด โดยประเด็นที่มีความกังวลคือ ถ่านหินมีความเสี่ยงสูงที่จะก่อผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม เกิดผลเสียต่อการท่องเที่ยวอันเป็นกิจกรรม ทางเศรษฐกิจของภาคใต้ ซึ่งประเด็นในเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นละเอียดอ่อนและอาจก่อผลกระทบหนักหน่วงกว่าประเด็นทางการเมือง ซึ่งการละเมิดสิทธิการดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีนั้น ส่งผลกระทบยาวนาน ยากที่จะยอมรับได้ การแสดงออกของกลุ่มคัดค้านเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลใช้เป็นจุดเริ่มต้นให้ทุกฝ่ายได้ถกแถลงอย่างรอบคอบและรอบด้านโดยคณะกรรมการที่ เป็นกลางซึ่งทุกฝ่ายยอมรับ เพื่อหาทางออกซึ่งเหมาะสมระหว่างความจำเป็นด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่ดี
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงพลังงานแจ้งไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้เริ่มต้นกระบวนการศึกษารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (อีเอชไอเอ) ขึ้นใหม่ โดยปรับปรุงเน้นให้ประชาชน มีส่วนร่วม ได้ข้อยุติว่ายกเลิกรายงานอีไอเอและอีเอชไอเอฉบับเดิมออกไป ดังนั้น การสร้างโรงไฟฟ้าที่จังหวัดกระบี่จึงกลายเป็นศูนย์ ต้องเริ่มกระบวนการรับฟังความเห็นกันใหม่ ซึ่งฝ่าย
ผู้คัดค้านถือว่ารัฐบาลได้รับฟังข้อเรียกร้องและเข้าใจให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตประชาชน ทางด้านนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากคณะกรรมการอีไอเอเห็นว่าต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่ ทางกระทรวงพลังงานและ กฟผ.ต้องปฏิบัติตาม การที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบให้เดินหน้าโครงการตามขั้นตอน โดยเฉพาะเรื่องอีไอเอเป็นจุดผ่านสำคัญ ถ้าไม่ผ่านจะไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้
ทางด้านนายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า ได้รับคำสั่ง ไม่เป็นทางการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานให้เตรียมข้อมูลอีไอเอและอีเอชไอเอ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์นี้ ส่วนนายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี แต่ในหลักการยังเดินหน้าตามมติ กพช.เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์เพื่อเป็นการปลดล็อกให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ภาคใต้ยังจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นทุกปี หากรัฐบาลจะนับหนึ่งใหม่เริ่มต้นกระบวนการศึกษา รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (อีเอชไอเอ) จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๒ ปีครึ่ง ไม่รวมระยะเวลาการก่อสร้างโรงไฟฟ้าอีก ๔ ปี ดังนั้น ความเสี่ยงเรื่องไฟฟ้าย่อมเกิดขึ้นในระยะยาว และไม่ว่าผลการศึกษาจะออกมาอย่างไรทุกฝ่ายพร้อมจะยอมรับ การที่ต่างฝ่าย ดึงดันข้อเสนออย่างสุดโต่ง จะก่อปัญหาให้วุ่นวายไม่สิ้นสุด
ข้อดีของถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) รวมทั้งมีแหล่งที่มาหลากหลาย แม้ถ่านหินจะปลดปล่อย มลสารมาก แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าดักจับมลสารและมีเทคโนโลยีที่ทำให้การ เผาไหม้หมดจดมากขึ้น ประเทศไทยต้องกระจายความเสี่ยงการพึ่งพาพลังงานชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไปเพื่อสร้างสมดุลใหม่ในการเลือกใช้เชื้อเพลิงให้หลากหลาย.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|