เรื่อง รถยนต์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนพลังงานแห่งอนาคต
ประเทศไทยมีอากาศร้อนมากขึ้นทุกปี เช่น ในเดือนเมษายน 2560 ร้อนที่สุดเป็นอันดับสองรองจากเมษายน 2559 ซึ่งเป็นผลมาจากอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงขึ้นทุกปี ทุกคนคงทราบดีถึงภาวะโลกร้อน (Global Warming) ที่โลกเรากำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่มนุษย์ ตั้งแต่อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นทุกปีที่เรารู้สึกกัน ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย สภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น เช่น คลื่นความร้อน (Heat Wave) ความแห้งแล้ง น้ำท่วม ฯลฯ สัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น ผลผลิตทางการเกษตรที่ต่ำลง เป็นต้น
สาเหตุของภาวะโลกร้อนนั้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากฝีมือมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญถ่านหินและเชื้อเพลิงรวมไปถึงสารเคมีที่มีส่วนผสมของก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ใช้ และอื่นๆอีกมากมาย ทำให้ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ลอยขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้รังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรจะสะท้อนกลับออกไปในปริมาณที่เหมาะสม กลับถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้กักเก็บไว้ ทำให้อุณหภูมิของโลกค่อย ๆ สูงขึ้นจากเดิม
รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนการหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแทนรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันเป็นทางเลือกที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ เนื่องจากช่วยลดการเผาไหม้จากน้ำมันที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน อีกทั้งปริมาณน้ำมันดิบของโลกก็เหลือน้อยเต็มทีรวมทั้งราคาที่สูงมาก ถึงขนาดที่มีการคาดการณ์ว่ารถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันจะหมดไปจากโลกภายใน 8 ปีข้างหน้า ทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถบัส และรถบรรทุก
ไทยเราก็มีวิสัยทัศน์ทางด้านพลังงานแห่งอนาคตที่ดีสอดคล้องกับเทรนด์ทั่วโลกเช่นกัน โดยรัฐบาลได้สนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มที่ เบื้องต้นได้ออก 6 มาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยหลายคนกังวลถึงความคุ้มค่า ความสะดวก และความปลอดภัย ทั้งยังยึดติดกับระบบเดิม ๆ อยู่ แต่บอกได้เลยว่าหากไม่เปลี่ยนวันนี้วันหน้าก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี เพราะโลกเราไม่ย่ำอยู่กับที่ หมุนไปข้างหน้าตลอด เห็นได้จากตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเริ่มมีรถยนต์ไฟฟ้าออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว ทั้งแบรนด์หรูจากนอก เช่น Tesla Mercedes Benz BMW Toyota Honda เป็นต้น หรือแบรนด์ไทย ๆ อย่าง Vera Automotive
สำหรับ 6 มาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยจากรัฐบาล มีดังนี้
-
มาตรการเกี่ยวกับภาษีเพื่อดึงดูดให้ภาคเอกชนหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี สำหรับกิจการเกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ลดหย่อนอากรขาเข้าวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น การยกเว้นอากรนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป เป็นต้น
-
มาตรการกระตุ้นตลาดภายในประเทศ โดยช่วงแรกเน้นหน่วยงานรัฐบาล เช่น การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ร้อยละ 20 ของรถยนต์ใหม่ทั้งหมดที่จัดซื้อ การให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าแบบลิมูซีนที่สนามบิน การเปลี่ยนแท็กซี่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
-
มาตรการการเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น แผนการติดตั้งสถานีชาร์ตไฟฟ้า เบื้องต้นตั้งเป้าที่ 500 สถานี ภายในกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
-
การจัดทำมาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภค
-
การบริหารจัดการซากแบตเตอรี่ใช้แล้ว
-
มาตรการอื่น ๆ เช่น การพัฒนาระบบรับรองความสามารถบุคลากร เป็นต้น
ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของประเทศไทยสำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะช่วยลดมลพิษ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าพลังงานเพราะรถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ถูกกว่าน้ำมันหลายเท่า
โดย ธัญลักษณ์ ฉิมดี
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|