เรื่อง ขับรถอย่างปลอดภัยในสถานการณ์น้ำท่วมขัง
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนผู้ใช้รถใช้ถนนหลาย ๆ คน อาจประสบปัญหาในการขับรถยนต์ในสภาพพื้นผิวการจราจรที่มีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะในเขตเมือง ชุมชน ย่านที่มีการจราจรหนาแน่น และเขตกรุงเทพมหานคร หากฝนที่กระหน่ำตกลงมาในช่วงเวลาที่มีการจราจรเร่งด่วนจะทำให้สถานการณ์จะยิ่งแย่ลงไปอีก เนื่องจากระบบการระบายน้ำไม่สามารถระบายน้ำออกได้ทันเกิดน้ำท่วมขังช่องทางการจราจร และอีกปัญหาหนึ่ง คือ รถยนต์เสียจอดกีดขวางการจราจร สาเหตุจากน้ำเข้าห้องเครื่องยนต์ทำให้รถยนต์ดับ ซึ่งทวีความวุ่นวายเพิ่มเข้าไปอีก
ดังนั้น ในสภาพอากาศที่มีฝนตกแทบทุกวันและมีน้ำท่วมขังพื้นผิวการจราจร การขับรถในสภาพดังกล่าวจึงควรเตรียมความพร้อมในการรับมือการขับรถผ่านน้ำท่วมขังในเบื้องต้น ดังนี้
น้ำท่วมขังพื้นผิวการจราจรสูงไม่เกิน ๖ นิ้ว หรือเต็มขอบฟุตบาตรข้างถนน กรณีเช่นนี้หากจำเป็นต้องขับรถผ่านให้ผู้ขับรถยนต์ชะลอความเร็วของรถให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากล้อรถยนต์จะรีดน้ำกระเด็นพุ่งออกไปทางด้านข้าง หากขับด้วยความเร็วมาก ๆ จะทำให้น้ำกระเด็นเข้าห้องเครื่องยนต์ทำให้ระบบไฟของรถมีปัญหาเครื่องยนต์อาจดับลงได้ หรือระบบเกียร์อาจจะทำงานได้ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
น้ำท่วมขังสูงถึงท้องรถยนต์ให้สังเกตเวลาขับรถจะได้ยินเสียงน้ำกระแทกท้องรถค่อนข้างดัง ระดับน้ำเช่นนี้จะมีผลต่อระบบเบรกรถยนต์ เนื่องจากจานเบรกจะจมอยู่ในน้ำตลอดเวลา โดยเฉพาะรถที่ใช้ดรัมเบรก ประสิทธิภาพในการทำงานของเบรกจะลดลง ดังนั้นหากขับรถยนต์ผ่านพ้นน้ำท่วมขังไปแล้ว จะต้องทดสอบระบบเบรกทันทีโดยวิธีย้ำเบรกและ คลัทซ์เพื่อไล่น้ำ และป้องกันการลื่นไหลของรถ
สำหรับเส้นทางการจราจรที่มีน้ำท่วมขังเลยท้องรถขึ้นไปแล้ว กรณีนี้ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว หรือจำเป็นต้องขับรถยนต์ผ่านน้ำท่วมในระดับนี้ไป ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือเพราะน้ำจะทะลักเข้าห้องเกียร์และห้องเครื่องยนต์ได้ โดยเฉพาะกรณีที่มีรถยนต์ที่ขับสวนมาทำให้เกิดคลื่นกระทบหน้ารถ น้ำที่กระเด็นก่อให้เกิดความเสียหายได้ อันดับแรกควรปิดแอร์ ปิดพัดลมหม้อน้ำ หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องยนต์ในส่วนของระบบเบรกจะใช้ไม่ค่อยได้ในระยะลุยน้ำช่วงแรก ๆ ให้พยายามย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ กรณีรถยนต์เกิดดับกลางน้ำห้ามสตาร์ทรถยนต์ใหม่อย่างเด็ดขาดต้องหาคนช่วยย้ายรถออกไปเพราะยิ่งสตาร์ทน้ำก็จะยิ่งเข้าระบบเครื่องยนต์จะทำให้เครื่องยนต์เสียหายมากเข้าไปอีก กรณีที่เครื่องยนต์ไม่ดับและสามารถขับรถยนต์ผ่านพ้นน้ำท่วมดังกล่าวไปแล้วโดยที่เครื่องยนต์ไม่ดับ ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันทีให้จอดทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้น้ำที่ค้างอยู่ในหม้อพักไอเสียระเหยออกให้หมด
ต่อมาหลังจากที่ขับรถยนต์ผ่านวิกฤตน้ำท่วมไปแล้ว สิ่งที่ควรรีบปฏิบัติคือ การนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการเพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดูแลและเปลี่ยนถ่ายระบบน้ำมันต่าง ๆ รวมถึงอะไหล่ที่จะทำให้เกิดสนิม หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่จะต้องดูแล อีกประการหนึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมก็คือการดูแลห้องผู้โดยสารในเรื่องความชื้นที่มีสาเหตุจากน้ำที่ซึมเข้าในห้องผู้โดยสาร เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานทำให้เกิดความชื้น มีเชื้อรา มีกลิ่นอับเหม็น การดูแลกำจัดกลิ่นอับชื้นนี้จะทำได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตามการเตรียมตัวให้พร้อมรับมือในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการขับขี่รถยนต์ผ่านน้ำท่วมขังนั้น เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดการเสียหายหรือทำให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า หากต้องขับรถยนต์ผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังสูงต้องขับรถช้า ๆ เพื่อความปลอดภัย และอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง
โดย เพทาย พิศุทธิ์ประภัสสร
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|