เรื่อง แก้กฎหมายกองทุนการออมแห่งชาติเพื่อผ่าทางตัน
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตั้งขึ้นเพื่อให้แรงงานนอกระบบจำนวน 24-25 ล้านคนได้ออมเงินเพื่อมีไว้ใช้หลังเกษียณอายุ ช่วยลดภาระทางการคลังจากการดูแลผู้สูงอายุซึ่งอีก 10-15 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว หากไม่สามารถ หาหลักประกันรายได้หลังเกษียณของคนในประเทศจะทำให้ต้องใช้เงินงบประมาณหลายแสนล้านบาทต่อปีดูแลผู้สูงอายุดังกล่าว
การดำเนินงานของกองทุน กอช. ล้มลุกคลุกคลานหลายครั้ง โดยกฎหมายกองทุนมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2554 สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนมีการเปลี่ยนทางการเมืองในปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศได้สั่งเดินหน้ากองทุนอีกครั้ง ในกลางปี 2558 กองทุน กอช.เริ่มรับสมาชิกได้ 3 แสนราย, ปี 2559 มีสมาชิกสะสม 5 แสนรายจากเป้าที่ตั้งไว้ 1 ล้านราย และในปี 2560 ตั้งเป้าสมาชิกให้ได้ 1 ล้านรายอีกครั้ง หากเทียบกับแรงงานนอกระบบ 24-25 ล้านคน สมาชิกที่หาได้ 5 แสนกว่ารายนั้นน้อยมาก
ปัญหาการหาสมาชิกของกองทุน กอช.มาจากหลายสาเหตุ เริ่มตั้งแต่กองทุนถือเป็นเรื่องใหม่การประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึง ประชาชนยังไม่เข้าใจว่าออมเงินไปแล้วจะได้เท่าใด กองทุนได้เร่งแก้ปัญหาด้วยการสร้างพันธมิตรกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กองทุนหมู่บ้านให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้แรงงานนอกระบบได้เข้าใจ ปัญหาต่อมาคือ กองทุน กอช.เป็นกองทุนภาคสมัครใจ ไม่ได้เป็นกองทุนภาคบังคับ ทำให้แรงงานนอกระบบไม่ตื่นตัวเข้าเป็นสมาชิก รวมถึงเป็นกองทุนการออมระยะยาวกว่าจะได้ดอกผลหรือได้เงินมาใช้ต้องหลังเกษียณอายุ 60 ปีไปแล้ว นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญทำให้แรงงาน นอกระบบเมินการเป็นสมาชิกกองทุน เพราะรายได้ปัจจุบันน้อยลง รายจ่ายเพิ่มขึ้น การมีภาระจ่ายสมทบเงินกองทุนจะทำให้การดำรงชีวิตในระยะสั้นลำบากขึ้น แม้ว่ากองทุนกำหนดไว้ว่าสมาชิกจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนไม่เกิน 1.32 หมื่นบาท/ปีเท่านั้น แต่ปัญหาคือ แรงงานนอกระบบไม่มีเงินจ่ายสมทบถึงปีละ 1.32 หมื่นบาทตามที่รัฐบาลหวังไว้ อีกปัญหาที่สำคัญของการหาสมาชิกกองทุนคือ แรงจูงใจยังน้อยเกินไป ปัญหาทั้งหมดส่งผลให้การหาสมาชิกของกองทุนย่ำแย่ หากกองทุนล้มเหลวปัญหาจะลุกลามไปถึงการสร้างหลักประกันรายได้ของคนหลังเกษียณ เพราะแรงงานนอกระบบจำนวน 24-25 ล้านคน นับเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ
ส่งผลให้กองทุน กอช.ต้องขอแก้กฎหมายเพื่อดึงดูดสมาชิกเพิ่มขึ้น ล่าสุด นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการ กอช. เร่งให้กระทรวงการคลังเห็นชอบแก้กฎหมาย กอช.เพิ่มการจ่ายเงินสมทบให้สมาชิกจากไม่เกิน 1,200 บาท/ปี เป็นไม่เกิน 2,500 บาท/ปี โดยยังยึดสัดส่วนการสมทบของรัฐบาลในรูปแบบเดิม นอกจากนี้ ยังเสนอให้เพิ่มการจ่ายเงินสมทบของสมาชิกจากเดิมไม่เกิน 1.32 หมื่นบาท/ปี เป็นไม่เกิน 2.5 หมื่นบาท/ปี เพื่อสมาชิกออมเงินไว้หลังเกษียณได้มากขึ้น ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวอาจจะจูงใจให้มีการสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น แต่การเป็นสมาชิกยังไม่ได้ขึ้นกับจำนวนเงินสมทบอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังของสมาชิกที่ไม่มีรายได้เพียงพอดำรงชีพเฉพาะหน้า การคิดจะออมเงินเพื่อใช้ในระยะยาวจึงเป็นเรื่องยาก.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|