เรื่อง ปมเหตุและผลรถไฟไทย-จีน
โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เริ่มเป็นรูปร่างชัดเจนขึ้นหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดล็อกข้อติดขัดและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อให้ทุกสิ่งอย่างสามารถเดินหน้าไป และชี้แจงว่าโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างไทย-จีน แบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งมีความร่วมมือกันมาหลายรัฐบาลจำเป็นต้องเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคเชื่อมโยงกับประชาคมโลกอื่น ๆ สำหรับการพิจารณาเกี่ยวกับ ความคุ้มทุนไม่ควรมองเฉพาะจำนวนผู้โดยสารที่จะเข้ามาใช้บริการเท่านั้น แต่ควรมองถึงประโยชน์ที่จะตามมาอีกมหาศาล ส่วนเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการก่อสร้าง วิศวกรของไทยร่วมวางแผนก่อสร้าง ควบคุมงานและอื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการป้องกันการทุจริต โดยโครงการต้องมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐาน อีกด้านหนึ่งการปลดล็อกเงื่อนไขให้ดำเนินกิจการต่อไปได้นั้น ย่อมช่วยอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจอันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
การเลือกใช้ช่องทางพิเศษอย่างมาตรา 44 ในภาพรวมเพื่อประโยชน์สุข ของประชาชนเป็นสำคัญ โครงการนี้มีความสำคัญในด้านยุทธศาสตร์ของประเทศ เพราะ เป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ หรือวันเบลท์วันโรดของประเทศจีน การเชื่อมต่อในโครงการนี้จะช่วยสร้างแรงดึงดูดให้มีการลงทุนของภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และช่วยเพิ่มการจ้างงานในประเทศ หากไทยไม่ลงทุนในโครงการนี้จะ เสียโอกาส เพราะมีความเป็นไปได้ที่เส้นทางนี้จะไปเชื่อมต่อกับประเทศเวียดนามในอนาคต ซึ่งไทยจะเสียโอกาสในการเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้ ขณะเดียวกันบอร์ดคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด สศช.) เห็นว่า การลงทุนไม่ควรพิจารณาเฉพาะผลตอบแทนทางการเงิน แต่ควรพิจารณาภาพรวมในการพัฒนาประเทศ และมีข้อเสนอต่อรัฐบาลว่า รัฐและ สศช.ควรชี้แจงต่อสาธารณชนให้มีความเข้าใจไม่เกิดความสงสัยในการดำเนินโครงการ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นภาพรวมทั้งโครงการ รถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพมหานคร-จังหวัดหนองคาย.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|