เรื่อง ปลักแรดโมเดล ป่วยจิตเวชรักษาเร็ว
คนเร่ร่อนไม่ใช่เพียงเป็นผู้มีปัญหาชีวิตจนต้องมาใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะเท่านั้น ส่วนหนึ่งยังมีอาการทางจิตเป็นที่น่าเวทนา หรือบางครั้งดูน่ากลัวและเป็นอันตราย ผู้มีอาการทางจิตหลายรายหากได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วไปได้อย่างปกติสุข ไม่กลายเป็นคนวิกลจริต
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก มีการนำกลไกสหวิชาชีพเข้ามาช่วยเหลืออย่างครบวงจรและได้ผลน่าพอใจ ผู้ป่วยบางรายกลับไปทำบัตรประชาชนได้อีกครั้งหลังจากปล่อยขาดมานาน นายจำรัส ปานนิ่ม ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช ต.ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เผยว่า ก่อนหน้านี้พี่สาวมีอาการทางจิต ต่อมา มีทีมสหวิชาชีพเข้ามาดูแลอย่างต่อเนื่องทำให้อาการดีขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้เพราะกินยาและฉีดยาอยู่เสมอ สำหรับชาวบ้านนั้นการดูแลผู้ป่วยจิตเวชถือเป็นเรื่องยาก การทำงานในชีวิตจริงของบุคลากรระบบสุขภาพไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ต้องทำงานกับหมอ ต้องปรึกษา นักโภชนาการ นักกายภาพบำบัด เภสัชกร อุปสรรคที่พบคือเรื่องการสื่อสาร บางครั้งรู้สึกเกร็งบางครั้งรับคำสั่งไม่ครบ หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมสหวิชาชีพได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีม แบ่งงานกันทำ เภสัชกรสอบถามซักประวัติเรื่องยา หมอสอบถามเรื่องทางบ้านของผู้ป่วยทำให้การทำงานรวดเร็ว ชัดเจนมากขึ้น การเรียนแบบสหวิชาชีพยังทำให้แต่ละอาชีพเป็นเพื่อนกัน การทำงานง่ายมากขึ้น
น.ส.วันเพ็ญ ตันวีระพันธุ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ อธิบายว่า สหวิชาชีพเป็นการนำบุคลากรสาขาสาธารณสุขแขนงต่าง ๆ มาร่วมกันดูแลผู้ป่วยอย่างครบวงจร ตั้งแต่อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.), เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลสุขภาพตำบล, พยาบาลจากโรงพยาบาลอำเภอและจังหวัด, เภสัชกร, นักกายภาพบำบัด, นักจิตวิทยา
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การทำงานด้านสุขภาพจิตของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมีการขับเคลื่อนอย่างจริงจังเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเล่าว่าการทำงานแบบสหวิชาชีพมีความสำคัญเพราะถนัดต่างกัน เมื่อรวมกันทำงานเป็นทีมแก้ปัญหาได้เร็ว สื่อสารกันเป็นชั้น กรณีที่มีปัญหาใหญ่ทุกคนจะมาประชุมและหาทางออกร่วมกัน กรณีฉุกเฉินจะมีการลงพื้นที่ทันที
จากวันนั้นถึงวันนี้ ได้รักษาผู้ป่วยจิตเวชจนกลับมามีชีวิตเป็นปกติ ในแง่ความเป็นมนุษย์ถือเป็นเรื่องสำคัญ ศ.พญ.วณิชา ชื่นกองแก้ว เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพแห่งชาติ (ศสช.) กล่าวว่า การทำงานของสหวิชาชีพเป็นตัวอย่างที่ดี ได้เสนอให้มหาวิทยาลัยนเรศวรพานักศึกษาลงพื้นที่เพื่อศึกษาว่าบริบทแต่ละวิชาชีพในการทำงานเป็นอย่างไร เหตุที่ ศสช.ผลักดันการเรียนการสอนแบบสหวิชาชีพเพื่อให้บุคลากรสุขภาพทำงานเป็นทีม ดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม แต่ละวิชาชีพต่างรู้หน้าที่และบทบาทกัน และกัน ทำงานร่วมกันได้ หากบุคลากรสาธารณสุขไม่ได้เรียนร่วมกัน ต่างคนต่างสั่ง ไม่มีการเชื่อมโยงประสานกัน ในทางตรงข้ามการได้ทำความรู้จักกัน เรียนและทำงานร่วมกัน ความขัดแย้งน้อยลง ผู้ที่ได้ประโยชน์คือคนไข้ที่มารับการรักษานั่นเอง.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|