เรื่อง สานต่อ “ศาสตร์พระราชา” องค์ราชันสองรัชกาล
ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงริเริ่มโครงการ ในพระราชดำริกว่าสี่พันโครงการซึ่งเป็นประโยชน์อเนกอนันต์ต่อพสกนิกรชาวไทย มาโดยตลอด สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ทรงสืบสานพระบรมราชปณิธาน และทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาทในการสานต่อ “ศาสตร์พระราชา” ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช บรมนาถบพิตรในหลวงรัชกาล ที่ 9 ให้ยังคงอยู่คู่แผ่นดินไทยสืบไป
โดยที่ผ่านมา โครงการในพระราชานุเคราะห์ และโครงการพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีมากมายหลายโครงการ ซึ่งนอกจากจะทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทแล้ว ยังเป็นการน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไปขยายผล อาทิ “โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่” ซึ่งได้รับพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อไว้ในเครื่องหมายตราสัญลักษณ์โครงการ เป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีการเกษตรหรือนวัตกรรมที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มผลผลิตและสร้างแรงจูงใจในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการเกษตร ด้วยการนำความรู้จากการวิจัยมาพัฒนา ภาคการเกษตร ผ่านการให้คำปรึกษาด้วยความรู้และบริการทางวิชาการใหม่ๆ รวมทั้งการให้บริการด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการที่มุ่งเน้นการเข้าถึงเกษตรกร โดยตรง โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ อาทิ คลินิกพืช คลินิกดิน คลินิกสัตว์ คลินิกประมง คลินิกบัญชี คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ และคลินิกกฎหมาย เป็นต้น
นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เคยพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ในพื้นที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1,350 ไร่ ให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อดำเนินการในลักษณะ “คลินิกเกษตร” เผยแพร่ผลงานวิจัยและเทคโนโลยีการเกษตร จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช บรมนาถบพิตร
นอกจากพระราชกรณียกิจด้านการเกษตร ที่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต ให้แก่ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของประชาชนชาวไทยแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญกับด้านการศึกษา นับแต่ในอดีตต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมีพระราชดำริให้ดำเนินการ “โครงการทุนการศึกษา” ด้วยพระราชปณิธานที่มุ่งสร้างความรู้ สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทย โดยเฉพาะที่มีฐานะยากจน ลำบาก แต่ประพฤติดี มีความสามารถในการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงต่อเนื่อง ตามความสามารถของแต่ละคน เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและ เพิ่มศักยภาพแก่เยาวชนไทยให้เข้าถึงระบบการศึกษาที่มีมาตรฐาน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ในสังคม ในอนาคตที่สำคัญ ทรงให้ยึดหลักให้มีการกระจายทุนครบในทุกจังหวัด และให้มีความเท่าเทียมระหว่างเพศของผู้รับพระราชทานทุนด้วย ปัจจุบันมีนักเรียนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างต่อเนื่องกว่า 1,000 คนแล้ว รวมถึงพระองค์ยังมีพระราชดำริให้จัดตั้งเป็น “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” (หรือ ม.ท.ศ.) ขึ้น อีกทั้งมีพระราชดำริให้กำหนดหลักเกณฑ์การพระราชทานทุนและวิธีการคัดเลือก คัดสรร และกลั่นกรองนักเรียนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อรับทุนการศึกษาพระราชทานในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งสายสามัญและสายอาชีพ ต่อเนื่องไปจนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี อีกด้วย
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระมหากษัตริย์ไทย ทั้งสองพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่จะมาถึงในวันที่ 28 กรกฎาคม นี้ ขอให้ประชาชนชาวไทยทุกคนจงร่วมกัน ตั้งจิตอธิษฐาน ขอพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โปรดพระราชทานพรให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎร์ ตราบกาลนิรันดร์
โดย ปัทมาวดี เหลือสม
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|