เรื่อง ปัญหาการปฏิรูปการศึกษา
หลังจากที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 134 ตอนที่ 40 ก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้อยู่ในวงการศึกษาต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว แนวคิดเรื่องการปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญถูกนำมาถกกันตลอด 3 ปีที่ผ่านมา การปฏิรูปการศึกษาของชาติในยุครัฐบาลนี้ถูกมองว่าทำได้เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะ ขณะที่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างยังจับต้องไม่ได้ ทุกครั้งที่การปฏิรูปการศึกษาถูกหยิบยกขึ้นมาพูดมักพุ่งเป้าไปที่ปัญหาเรื้อรังเรื่องของความเหลื่อมล้ำ, การปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับปัจจุบัน, การพัฒนาคุณภาพครูทั้งระบบ ทั้ง 3 สิ่ง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษา เป็นกุญแจไขไปสู่ปัญหาการจัดการศึกษาที่เชื่อมโยงกัน ทั้งระบบ
ที่ผ่านมานโยบายการศึกษาเปลี่ยนไปตามนโยบายของพรรคการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐบาล มีการประกาศนโยบายมุ่งเน้นใน 3 ด้านคือ เรื่องคุณภาพการศึกษา โอกาสทางการศึกษา และผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในทุกระดับที่ใช้ในชีวิตจริง แต่จะแก้ปัญหาที่เป็นหัวใจหลักของการศึกษาได้ต้องใช้นโยบายที่ต่อเนื่อง พรรคการเมืองที่เข้ามากำกับจึงเน้นนโยบายที่เห็นผลงานจับต้องได้ในระยะสั้นเท่านั้น ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่รับผิดชอบการศึกษาของชาติถูกมองว่าถนัดเพียงแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือแก้ตามกระแสแต่ขาดความรับผิดชอบจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
นายวรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดประเด็นเรื่องการปฏิรูปการศึกษาว่า การปฏิรูปนั้นยากจะประสบความสำเร็จหากฝากความหวังไว้กับรัฐบาลแต่ฝ่ายเดียว ได้เสนอให้เปลี่ยนระบบการรับผิดชอบการบริหารงานจากกระทรวงมาถึง
ตัวนักเรียน ก่อนจะถึงตัวนักเรียนเป็นเรื่องที่ห่างไกลมากต้องทำให้สั้นลง ให้ความรับผิดชอบไปถึงตัวนักเรียนโดยตรง ขณะที่แนวคิดนายวิทยากร เชียงกูล คณบดีกิตติคุณวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่าการปฏิรูปการศึกษายังขาดการมีส่วนร่วม จากส่วนอื่น เป็นการปฏิรูปเพียงรูปแบบระบบบริหารราชการแบบแก้ไขกฎหมาย ใช้คำสั่งจากบนลงล่าง เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ไม่เกิดแนวคิดใหม่หรือแรงผลักดันที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนการสอนที่ช่วยยกระดับการศึกษาได้ต่อเนื่อง โดย นายวิทยากรมองว่า การปฏิรูปการศึกษายังวนเวียนอยู่ที่เดิม ไม่สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และย้ำว่าการปฏิรูปจะเกิดขึ้นไม่ได้หากยังฝากความหวังไว้กับข้าราชการที่ทำงาน แบบตั้งคณะกรรมการจากกลุ่มข้าราชการกันเอง นอกจากนี้ หากไม่สามารถปฏิรูปครูอาจารย์โดยเพิ่มแรงจูงใจให้ครูดีครูเก่งอยู่ต่อและทำงานได้มีประสิทธิภาพ หรือพัฒนาครูที่มีแววหรือครูรุ่นใหม่อย่างจริงจัง ซึ่งรัฐบาลต้องกล้าตัดสินใจผ่าตัดคัดครูคุณภาพต่ำที่ผ่านการฝึกอบรมใหม่แล้วแต่ยังสอนไม่มีประสิทธิภาพออกไป หรือโยกย้ายให้ไปทำหน้าที่ธุรการ หรือให้เกษียณก่อนกำหนด หากไม่ทำตามแนวคิดดังกล่าวการปฏิรูปการศึกษาจะกลายเป็นปัญหาที่เวียนกลับมาอยู่ที่เดิม
เรื่องนี้รัฐบาลในปัจจุบันและในอนาคตจะต้องคำนึงถึง และตระหนักร่วมกันว่าการปฏิรูปการศึกษาเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|