เรื่อง แผนรับมือภัยพิบัติสำหรับธุรกิจประกันภัย
นายทัตเทพ สุจิตจร ผู้อำนวยการสถาบันประกันภัยไทย กล่าวว่า ในฐานะ ที่เป็นสถาบันให้ความรู้แก่ธุรกิจประกันภัยและธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญและเห็นความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ทั้งด้านการรับประกันภัย การให้บริการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหลังจากเกิดภัยพิบัติ เพื่อเตรียมตัวด้านการจัดการ ความเสี่ยงให้กับบุคลากรผู้ดูแลด้านสินไหม และผู้เจรจาตกลงค่าสินไหมทดแทน รวมไปถึง ผู้พิจารณารับประกันภัย นักการตลาด และผู้ที่สนใจ โดยแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ร่วมกันจากกรณีศึกษาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลกจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ
แนวโน้มการเกิดภัยพิบัติในอนาคตจะมีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก บริษัทประกันภัยเกิดความตื่นตัววางแผนรับมือความเสี่ยง ซึ่งประเทศไทยมีโอกาสที่จะเผชิญกับ ภัยน้ำท่วม ภัยแล้ง และแผ่นดินไหวตามลำดับ แต่เมื่อเกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายในวงกว้างต่อประชาชน ทางบริษัทประกันภัยและทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ต้องมีแผนสำรองในการบริหารความเสี่ยงโดยเฉพาะ แผนสำรองนี้ทางผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า จะต้องทำขึ้นเป็น 2 ส่วน คือ.-
-แผนสำรองที่เกิดความเสี่ยงต่อบริษัท เตรียมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเงินเพียงพอในการชดใช้ค่าสินไหมได้ตามสัญญา รวมถึงต้องมีกระบวนการประเมินความเสียหายที่มีขั้นตอนชัดเจน ลูกค้าจะต้องได้รับการชดใช้ตามสัญญา
-แผนสำรองในการปฏิบัติกับลูกค้า ให้คำแนะนำลูกค้าซื้อประกันภัยพิบัติ ที่ครอบคลุมความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน ต่อธุรกิจ เมื่อเกิดเหตุแล้วมีแผนช่วยเหลือลูกค้า ลดความเสียหายจากภัยพิบัติให้ได้มากที่สุด การจ่ายสินไหมทดแทนต้องเร็วเพื่อให้ลูกค้ามีกำลังทุนนำไปใช้ทำธุรกิจและใช้ชีวิตต่อไปได้ตามปกติ
โดยเฉพาะธุรกิจหากเกิดน้ำท่วมไม่สามารถผลิตสินค้าได้ สินค้าจะหายไปจากตลาด ต้องมีแผนสำรองในการช่วยให้ธุรกิจเดินเครื่องผลิตให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทประกันภัยต้องประสานงานกับหน่วยงานกำกับ และภาครัฐช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกวิถีทางอย่างรวดเร็ว การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจกับชุมชนในการเข้ากอบกู้สถานการณ์ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป รวมถึงการสื่อสารไปยังสื่อต่าง ๆ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และส่งเสริมให้ธุรกิจมีการเติบโตต่อไปได้
ในมุมของประชาชน การซื้อประกันภัยพิบัติจะต้องซื้อก่อนที่ภัยจะเกิด เพราะอัตราเบี้ยประกันจะมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย ซึ่งเบี้ยจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับตลาดโลกและภัยพิบัติที่เกิดขึ้น บริษัทประกันภัยไทยไม่สามารถรับความเสี่ยงไว้เองทั้งหมดจึงต้อง ทำประกันภัยต่อไปยังตลาดโลก เจ้าของธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ควรซื้อประกันภัยกับบริษัทประกันที่มีแผนสำรองการจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน มีรายละเอียดของกระบวนการปฏิบัติงานที่ช่วยลดความสูญเสีย และทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้เร็ว ไม่ควรมองที่ เบี้ยประกันภัยถูกเพียงอย่างเดียว เพราะจะมีความเสี่ยงเมื่อเกิดภัยพิบัติ จะไม่ได้รับการดูแลด้านอื่น ๆ นอกเหนือการจ่ายสินไหมทดแทนเท่านั้น ปัจจุบันประชาชนรายย่อยและเจ้าของธุรกิจมีการซื้อประกันภัยพิบัติน้อย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะเร่งสร้างความตระหนัก ให้ประชาชนเห็นความสำคัญและซื้อความคุ้มครองมากขึ้น
สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีบริษัทประกันภัยที่มีแผนการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมเพื่อไม่ให้ความเสียหายขยายตัวไปมากกว่าเดิม ให้นำรถออกจากน้ำให้เร็วเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นเข้าสู่กระบวนการสินไหมทดแทน ขณะที่นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกับนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย และภาคอุตสาหกรรมประกันภัยในพื้นที่ ให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัย รวมทั้งเร่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทน สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|