เรื่อง ประกันภัยข้าวนาปีลดความเสี่ยงชาวนาไทย
ที่มาของโครงการประกันภัยข้าวนาปีนั้น เนื่องมาจากการที่รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิงจากภัยพิบัติ แต่จำนวนเงินชดเชยไม่เพียงพอต่อต้นทุนการเพาะปลูกข้าว จึงมีแผนที่จะสร้างระบบประกันความเสี่ยง ทางการเกษตร คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้ดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2554 โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และบริษัทประกันภัย ร่วมกันรับประกันภัย โดยเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปีการผลิต 2554 ถึงปัจจุบัน ข้าวนาปี เป็นข้าวที่ปลูกระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูการทำนาปกติ พันธุ์ข้าวนาปีจะออกดอกตามวัน เดือนที่ค่อนข้างตายตัวพร้อมกันหมด เนื่องจากช่วงแสงต่อวันบังคับ “โครงการประกันภัยข้าวนาปี” เป้าหมายสำคัญคือ ลดความเสี่ยงของชาวนา สร้างความยั่งยืนให้กับอาชีพเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวถึง การจ่ายค่าสินไหมทดแทนแยกตามจังหวัดที่ได้รับค่าสินไหมทดแทนสูงสุด 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครสวรรค์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ขอนแก่น วิธีการประเมินความเสียหายจะใช้วิธีเดียวกันกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยของรัฐ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะเป็นหลักในการประเมินความเสียหายเพื่อให้คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (กชภอ.) รับรองตามแบบรายงานความเสียหายของรัฐ ดังนั้น เกษตรกรผู้เอาประกันภัยจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ จำนวน 1,113 บาท/ไร่ และค่าสินไหมทดแทน จำนวน 1,260 บาท/ไร่ รวมเป็น 2,373 บาท/ไร่ คิดเป็นร้อยละ 59.3 ของต้นทุนการปลูกข้าวทั้งหมด โดยต้นทุนการเพาะปลูกเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 4,000 บาท/ไร่ เกษตรกรที่ทำประกันภัยข้าวนาปีจะได้รับความคุ้มครองความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ วงเงินความคุ้มครอง 1,260 บาท/ไร่ ทั้งหมด 6 ภัย ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้งฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และไฟไหม้ โดยมีข้อแม้จะต้องอยู่ในพื้นที่ประกาศเป็นเขต ภัยพิบัติ
กรณีเกิดความเสียหายจากภัยศัตรูพืชและโรคระบาด วงเงินความคุ้มครอง อยู่ที่ 630 บาท/ไร่ เกษตรกรสามารถตรวจสอบสถานการณ์ประกันภัยและสถานการณ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ง่ายและรวดเร็ว จากระบบออนไลน์เคลมแอพพลิเคชั่น “มะลิ” ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ที่ rice.tgia.org ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่โทร.061-404-4422 ซึ่งปีนี้ การพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนทำได้เร็วขึ้น เนื่องจากได้พัฒนาระบบการเชื่อมข้อมูล การทำประกันภัยข้าวนาปีกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และเชื่อมข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร รายงานข้อมูลความเสียหายรายแปลงในพื้นที่ที่รัฐประกาศเป็นเขตภัยพิบัติกับกรมส่งเสริมการเกษตร ทำให้มีข้อมูลสมบูรณ์พร้อมในการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ให้กับเกษตรกรได้ถูกต้อง รวดเร็ว พร้อมกันนี้สมาคมประกันวินาศภัยไทยยังได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จัดอบรมความรู้ประกันภัยสำหรับการประกันภัยข้าวนาปี ประจำปี 2560 รวม 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น นครสวรรค์ สุโขทัย ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด สกลนคร และจังหวัดสงขลา เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจกับตัวแทนหน่วยงานในแต่ละพื้นที่เพื่อ นำความรู้ด้านประกันภัยไปถ่ายทอดกับเกษตรกรในพื้นที่ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัย และประโยชน์ของการนำเอาระบบประกันภัยมาเป็นเครื่องมือในการบริหาร ความเสี่ยงเพื่อบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติต่าง ๆ สร้างความยั่งยืนให้กับอาชีพเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|