เรื่อง เร่งขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เผยว่า จะเร่งขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้มีความต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการลงทุนไปถึงปี 2561 ประกอบด้วย.-
-โครงการรถไฟความเร็วสูงความร่วมมือไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคายช่วงที่ 1, กรุงเทพฯ-นครราชสีมาเริ่มเฟสแรก ช่วงสถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร
-โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะมีการลงนาม ความร่วมมือระหว่างบริษัท การบินไทย และบริษัท แอร์บัส เป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาธุรกิจการบินและศูนย์ซ่อมอากาศยานในพื้นที่อีอีซีเพื่อสนับสนุนนโยบายการเป็นเมืองศูนย์กลางทางการบินของไทย นอกจากบริษัท แอร์บัสแล้ว ยังมีภาคเอกชนที่สนใจเข้ามาลงทุนในอีอีซี เช่น สายการบินแอร์เอเชีย และสายการบินลุฟต์ฮันซา โดยรัฐบาลสนับสนุนทุกสายการบิน ที่จะเข้ามาขยายกิจการในไทย ทั้งในด้านของเส้นทางการบิน รวมถึงศูนย์ซ่อมอากาศยานเพื่อส่งเสริมนโยบายการเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค แต่ภาคเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะเข้ามาช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน ในประเทศไทยได้อย่างไร
-โครงการก่อสร้างรถทางคู่ เฟสแรก 5 เส้นทาง ระยะทาง 702 กิโลเมตร ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางนครปฐม-หัวหิน โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร
-โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 3 สัญญา ระยะทางรวม 136 กิโลเมตร และ
-โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ 2 สัญญา
ทั้งนี้ เมื่อโครงการผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว ได้สั่งการให้ การรถไฟแห่งประเทศไทยนัดหมายกับเอกชนผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลให้มาประชุมรับฟังข้อมูลและลงนามในสัญญา ในปี 2561 เป็นปีที่รัฐบาลจะดูแลเศรษฐกิจในระดับฐานราก ให้มากขึ้น เร่งโครงการสำคัญ ๆ โดยโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ จะเร่งประสานกับรถไฟไทยให้จัดประชุมและลงนามกับเอกชน ขณะที่ในปี 2561 จะเร่งเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้
ด้านนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวงในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟไทย (รฟท.) กล่าวว่า รฟท.ได้รับนโยบายเร่งรัดการลงนามกับภาคเอกชน ในสัญญารถไฟทางคู่ ทั้ง 5 เส้นทาง ไปดำเนินการ หลังจากดำเนินการจะส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณโครงการเป็นไปอย่างรวดเร็วตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งในปี 2561 จะมีเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จากโครงการดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 6,000-7,000 ล้านบาท.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก