เรื่อง 3 มาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราราคาตกต่ำ
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบมาตรการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ เป็นมาตรการระยะสั้น 3 มาตรการ ได้แก่.-
-อนุมัติวงเงินสินเชื่อ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาทเพื่อให้ผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อยางแห้งไปใช้เพื่อการแปรรูป โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ 3 เปอร์เซ็นต์ วงเงินงบประมาณในการชดเชยดอกเบี้ยไม่เกิน 600 ล้านบาท ผู้ประกอบการกลุ่มนี้เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางใช้ยางพาราปีละ 5-6 แสนตันช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ยางได้
-เพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราของหน่วยงานราชการ ซึ่งต้องการใช้ยางเพิ่ม 1.8 แสนตัน จากเดิม 8-9 หมื่นตัน ทั้งกระทรวงคมนาคม องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยเฉพาะในส่วนการสร้างและซ่อมแซมถนนที่เพิ่มสัดส่วนการผสมยางพาราได้ 3-20 เปอร์เซ็นต์ โดยกำหนดทีโออาร์ว่า ให้ซื้อน้ำยางจากเกษตรกรโดยตรงเพื่อไม่ให้เวียนเอายางพาราเก่ามาขาย
-งดการกรีดยางในพื้นที่ส่วนราชการทั้งหมด 3 เดือน (มกราคม-มีนาคม 2561) ซึ่งมีพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 1.2 แสนไร่ ช่วยลดปริมาณได้ประมาณ 5,000 ตัน และเชิญชวนให้เกษตรกรลดพื้นที่ปลูกยางพาราอีก 2 แสนไร่ โดยรัฐจะจ่ายเงินชดเชย 4,000 บาท/ราย ไม่รวมกับเงินที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สนับสนุนให้โค่น ต้นยางพารานอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นทุนหมุนเวียนแก่ ผู้ประกอบกิจการยาง, ผลิตภัณฑ์ยาง วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทและให้ขยายระยะเวลา รับสมัครผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้าโครงการในเดือนมกราคม 2561 เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ต้องการใช้น้ำยางพาราเพิ่มสามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อยางพาราเพิ่มได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือ การแก้ปัญหาราคายางในหลายประเด็น โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หารือร่วมกันถึงมาตรการอย่างต่อเนื่องและมีงบประมาณให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรเพื่อช่วยเหลือชดเชยดอกเบี้ยเงินทุน โดยรัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหาทั้งระบบ
อุตสาหกรรมยางพาราหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรสวนยางกว่า 1.6 ล้านครัวเรือน หรือราว 6 ล้านชีวิต เมื่อเกิดปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรมีปัญหาหนี้สิน เกิดความเครียด คุณภาพชีวิตตกต่ำ สถานการณ์ดังกล่าวจำเป็นต้องกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ชาวสวนยางปัจจุบันมีอายุขัยน้อยลง เนื่องจากความทรุดโทรมของร่างกาย วิถีคนกรีดยางสัมพันธ์กับสารเคมีหลายตัวตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มโค่น ปลูก กรีด จนถึงขั้นตอนการแปรรูป นอกจากนี้ยังมีเวลาพักผ่อนน้อย
นายสุนทร รักษ์รงค์ นายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ ระบุว่า คนกรีดยางปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัวสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โรคที่พบมากที่สุดคือ ภูมิแพ้ รองลงมาคือ เบาหวาน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการใช้สารเคมี จึงควรมีการดูแลเรื่องสุขภาพในทุกมิติ และปลดแอกข้อจำกัดของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กำหนดระเบียบการขึ้นทะเบียนว่าต้องใช้เอกสารสิทธิในที่ดิน ส่งผลให้คนที่ไม่มีที่ดินไม่ได้ขึ้นทะเบียน แต่กลับถูกบังคับให้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ควรส่งเสริมสมการป่ายางอย่างยั่งยืน ด้วยการให้สิทธิในต้นยาง ให้สิทธิในที่ดินและส่งเสริมการปลูกต้นไม้อื่นร่วมกับต้นยาง และผลักดันการสร้างนวัตกรรมและอุตสาหกรรมผสมผสาน ซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะช่วยยกระดับรายได้และส่งเสริมคุณภาพชีวิตชาวสวนยางพาราให้ดีขึ้น
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|