เรื่อง ฝ่าวิกฤตโรคพิษสุนัขบ้า
ในการเสวนาเรื่อง “ฝ่าวิกฤตโรคพิษสุนัขบ้า” โดยผู้ทรงคุณวุฒิได้กล่าวว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่พบในประเทศไทยมาตลอด เกิดจากการสัมผัสหรือถูกกัดจากสัตว์ ที่เป็นพาหะ โดยเชื้อกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เกิดจากสุนัข ตั้งแต่ต้นปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวแล้ว 4 คน และในช่วงตั้งแต่ปี 2557 – 2560 จากข้อมูลของกรมปศุสัตว์พบว่า มีการกระจายตัวในวงกว้าง โดยเฉพาะในภาคใต้สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดการตื่นตัว แม้ว่าโรคจะมีความรุนแรงแต่สามารถป้องกันได้ด้วยการให้วัคซีน โดยในประเทศไทยให้ความสำคัญป้องกันโรคโดยให้วัคซีนต่อเนื่องแก่สุนัขทุกปี ข้อมูลปีที่ผ่านมา พบว่า ภาครัฐจะมีการให้วัคซีนแก่สุนัข 10 ล้านโดสต่อประชากรสุนัขทั่วประเทศที่มีประมาณ 10 ล้านตัว แต่กลับได้ใช้วัคซีนเพียง ปีละ 5 – 6 ล้านโดส และบางตัวได้รับเกิน 1 เข็มทำให้มีประชากรสุนัขได้รับวัคซีนเพียง 30 – 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งมีการให้วัคซีนทุกปีแต่กลับพบเชื้อมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเสนอให้มีการเพิ่มวัคซีนเป็น 20 ล้านโดส แต่ได้รับการทักท้วงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในที่สุดกระทรวงมหาดไทยออกกฎหมายว่า สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ แม้ว่าความตื่นตัวในระดับประเทศจะดีขึ้นแต่ยังพบวิกฤต เพราะในปี 2559 ได้มีการเรียกคืนวัคซีนที่ไม่ได้มาตรฐานจำนวน 3 ล้านโดส และพบว่า ปี 2557 – 2560 สะท้อนให้เห็นว่าประชากรสุนัขเพิ่มมากขึ้นแต่การให้วัคซีนไม่ทั่วถึง อีกทั้งยังพบปัญหาวัคซีน มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่ามาตรฐาน ดังนั้น ควรมีการระดมการให้วัคซีนแก่สุนัขจรจัดก่อน โดยสุนัข ที่มีเจ้าของเคยได้รับวัคซีนแล้ว เจ้าของไม่ควรตื่นตระหนกจนรีบนำสุนัขไปฉีดวัคซีนให้รอ ไปก่อนได้ จนกว่าสัตวแพทย์จะนัดไปฉีดซ้ำ
ภาครัฐควรให้ความสำคัญในการจัดหาวัคซีนที่ได้มาตรฐาน และฉีดป้องกัน ในสุนัขให้ได้ตามสัดส่วนที่สามารถป้องกันโรคได้ ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับ อย.และกรมปศุสัตว์ ทำการสำรวจคุณภาพของวัคซีนใน 17 จังหวัดภาคเหนือ มีวัคซีนนำเข้าจากบริษัทต่างประเทศ 7 – 8 แห่งพบว่าวัคซีนจาก 1 บริษัทที่ไม่ได้มาตรฐาน และ อย.กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ปรึกษากันว่า จากนี้ อย.จะมีการออกกฎหมายหรือออกเป็นประกาศเพื่อให้อำนาจกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพวัคซีนในสัตว์ก่อนจะอนุญาตขึ้นทะเบียนในไทย จากเดิมที่ไทยไม่มีอำนาจ.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|