เรื่อง อันตรายจากไขมันทรานส์
ปัจจุบันการใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบมีมากขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะการแข่งขันกับเวลาใน แต่ละวัน ส่งผลต่อการรับประทานอาหารที่ต้องเร่งรีบตามไปด้วย ทำให้หลายๆ คนหันมาเลือกรับประทานอาหารแบบจานด่วน หรือฟาสต์ฟู้ดกันเป็นจำนวนมาก อาหารดังกล่าวรับประทานไปเพียงเพื่ออิ่มท้อง แต่ปราศจากสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซ้ำร้ายยังมีไขมันทรานส์ตัวทำลายสุขภาพซุกซ่อนอยู่อีกด้วย
ไขมันทรานส์ คือ ไขมันที่ไม่อิ่มตัวเกิดจากการสังเคราะห์ผ่านวิธีการแปรรูปโดยกระบวนการเติมไฮโดรเจนในน้ำมันพืช ทำให้น้ำมันซึ่งเป็นของเหลวเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ในรูปของของแข็ง ซึ่งเราเรียกกระบวนการนี้ว่าไฮโดรจีเนชั่น
สาเหตุที่ผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะนำไขมันทรานส์มาใช้ เนื่องจากไขมันชนิดนี้ เป็นไขมันที่มีลักษณะไม่เป็นไข สามารถทนความร้อนได้สูงมากและยังสามารถเก็บไว้นานโดยไม่มีกลิ่นเหม็นหืนใดๆ อีกด้วย รวมทั้งให้รสชาติเหมือนกับไขมันที่ได้จากสัตว์ ที่สำคัญผู้ประกอบการไม่ต้องลงทุนมากเพราะมีราคาถูก จึงทำให้ผู้ประกอบการเลือกที่จะใช้ไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์หรืออาหารนั่นเอง
อันตรายของไขมันทรานส์ สำหรับใครที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารประเภททอด ทั้งหลาย ที่มีกรดไขมันทรานส์มากเกินไป จะส่งผลโดยตรงต่อระบบการทำงานของระบบเอนไซม์ในร่างกาย ทำให้ไขมันชนิดดีในร่างกายลดลงหรือถูกทำลายไป และเพิ่มจำนวนไขมันชนิดเลวให้แก่ร่างกายแทน นอกจากนี้ ไขมันทรานส์ ยังไม่สามารถย่อยสลายได้ง่ายๆ อีกด้วย เนื่องจากเป็นไขมันแปรรูป ทำให้ตับต้องทำงานหนักขึ้น และนำมาซึ่งโรคหรืออันตราย อาทิ โรคอ้วนลงพุง, โรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดัน โลหิตสูง, ไขมันอุดตันในเส้นเลือดและหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ ได้มากกว่าผู้ที่ไม่รับประทานอาหารไขมันทรานส์ วิธีหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ ให้งดรับประทานอาหารประเภททอดที่ต้องใช้น้ำมันหรือ ไขมันทั้งหลาย อาหารจำพวกจังก์ฟู้ด หรืออาหารขยะ ได้แก่ โดนัท, พัฟฟ์, พาย, เฟรนซ์ฟรายส์, แฮมเบอร์เกอร์, คุกกี้, แคร็กเกอร์, เค้ก, วิปครีม, นักเก็ต, ขนมขบเคี้ยวต่างๆ รวมทั้งอาหารที่มีส่วนผสม ของมาร์การีน เนยเทียม ครีมเทียม เป็นต้น
กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา สั่งห้ามนำเข้า ผลิต และจำหน่าย กรดไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ใช้ในการปรุงอาหาร เช่น เบเกอรี่ โดนัท เค้ก หลังปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่าไขมันทรานส์เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยมีผลบังคับใช้ 180 วันหลังประกาศวันที่ 13 มิถุนายน หรือ ประมาณต้นปี 2562 หลังจากนั้นประเทศไทยจะไม่มีการใช้ไขมันทรานส์ในการผลิตอาหารอีก เพื่อเป็นการคุ้มครองสุขภาพประชาชน และเชื่อว่าจะช่วยลดผู้ป่วยเรื่องโรคหัวใจในคนไทยลงไปได้จำนวนมาก
โดย สายพิณ เจริญรัศมี
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|