รายงานพิเศษ ปีทองชาวนาไทย ชี้ราคาข้าวปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์ตันละ 18,000 บาท
นับเป็นข่าวดีของชาวนาไทยปีนี้ ที่จะขายข้าวได้ราคาสูงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ เนื่องจากผลผลิตที่ลดลง แต่ความต้องการข้าวยังคงเพิ่มสูงขึ้น
ตลอดระยะเวลา 4 ปี ของการบริหารจัดการสถานการณ์ข้าวของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งการผลักดันให้เกษตรกรรวมกลุ่มทำนาแปลงใหญ่ ส่งเสริมการเกษตรสมัยใหม่ เพื่อการพัฒนาระบบการผลิตและสร้างความมั่นใจด้านการตลาดและการเคลียข้าวในสต๊อกที่คงค้าง จึงทำให้รัฐบาลสามารถปลดล็อกราคาข้าวในประเทศให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ ยังส่งผลให้เกษตรกร หรือชาวนาไทย ขายข้าวได้ราคาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวนาปี ปีการผลิต 2561/2562 ซึ่งจะมีผลผลิตออกมากช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมของทุกปี ดังนั้นเพื่อดูแลผลผลิตและช่วยเหลือชาวนาที่ไม่สามารถเกี่ยวข้าวได้เนื่องจากค่าบริการรถเกี่ยวที่มีราคาสูง โดยนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางชมรมรถเกี่ยวนวดข้าวไทยจะคิดค่าบริการรถเกี่ยวแก่เกษตรกรในอัตรา 450-500 บาทต่อไร่ จากปกติ 700 บาทต่อไร่
การดำเนินการดังกล่าว จะเป็นการช่วยลดต้นทุนให้กับชาวนาได้ถึงไร่ละ 200-300 บาท ซึ่งจะทำให้ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวได้ทัน ผลผลิตข้าวมีคุณภาพและขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น
ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อำนวยความสะดวกในการอนุญาตให้ผู้ประกอบการรถเกี่ยวบรรทุกขนย้ายรถเกี่ยวนวดข้าวประจำปีการผลิต 2561/62 เป็นการชั่วคราวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2562 เช่นเดียวกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะพิจารณายกเว้น หรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมผู้ประกอบการรถเกี่ยวข้าวนอกสถานที่ในอัตราต่ำสุด
สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกนาปีขณะนี้ มีแนวโน้มที่เกษตรกรจะขายได้ราคาสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยข้าวเปลือกหอมมะลิปัจจุบันอยู่ที่ 16,000-17,000 บาทต่อตัน และบางพื้นที่ราคาข้าวหอมมะลิมีราคาสูงถึง 18,000 บาทต่อตัน สูงเป็นประวัติการณ์ เพราะผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิปีนี้ โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกสำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น มีผลผลิตลดลงกว่าร้อยละ 20
ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก รัฐบาลได้ออกมาตรการในการรักษาเสถียรภาพด้านการตลาดโดยการดึงการผลิตออกสู่ตลาด ทั้งสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ซึ่งเกษตรกรจะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท กรณีฝากเก็บไว้ในยุ้งฉางตนเอง และตันละ 1,000 บาท กรณีฝากเก็บไว้ที่สหกรณ์ และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ในอัตราไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 12 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 18,000 บาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาครัวเรือนละ 6,000 บาท โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ดังนั้น ในปีการผลิต 2561/62 เกษตรกรมั่นใจได้ว่าข้าวจะมีราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ผลผลิตข้าวได้รับการเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วยต้นทุนการผลิตที่ลดลง จึงถือเป็นปีทองของพี่น้องชาวนาอย่างแท้จริง