จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดงานวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า
วันที่ 31 มีนาคม 2563 เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดงานวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า โดยนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางจรัสนภา เอี่ยมวิจารณ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์ นายนิเวศน์ หาญสมุทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และหัวหน้าส่วนราชการ
โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบพิธี ถวายราชสักการะ วางพานพุ่มดอกไม้สด จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและกล่าวถวายราชสดุดี หน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า เพื่อระลึกถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 3 และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ ในการทำนุบำรุงบ้านเมือง ทั้งในด้านการศาสนา การศึกษา และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง และในปี พ.ศ.2541 ทางราชการได้มีการถวายพระราชสมัญญาว่า "พระมหาเจษฎาราชเจ้า" และได้ใช้ชื่อวันงานว่า "วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า"
พระมหาเจษฎาราชเจ้ารัชกาลที่ 3 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2330 ทรงเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2394 รวมพระชนมายุ 63 พรรษา กับ 11 วัน เสด็จดำรงในสิริราชสมบัติ 25 ปี 7 เดือน 23 วัน ตลอดระยะเวลาที่ ทรงครองราชย์สมบัติ พระองค์ทรงปกครองประเทศโดยทำนุบำรุงให้ชาติเข้มแข็งรุ่งเรือง โดยทรงมีส่วนร่วมกับ ขุนนางในการบริหารราชการ และทรงควบคุมกิจการบ้านเมืองด้วยพระองค์เองมาตลอดรัชสมัยของพระองค์ และทรงเพิ่มพูนรายได้ของประเทศชาติอย่างหลากหลายวิธี อาทิ การส่งสินค้าไปค้าขายกับต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการเก็บภาษีอากรจากรูปของสินค้าและแรงงานเป็นการชำระด้วยเงินตรา รวมถึงมีการเก็บภาษีตั้งขึ้นใหม่ถึง 38 อย่าง ทั้งยังได้เพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศ สร้างกองทัพเรือ ขุดคูคลอง สร้างป้อมปราการเพื่อรักษาปากน้ำจุดสำคัญ ๆ ในขณะเดียวกันก็ทำนุบำรุงประเทศพร้อมกันไปด้วย นอกจากนี้พระองค์ยังโปรดพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ คือ "เงินถุงแดง" ไว้เพื่อประโยชน์แก่แผ่นดิน และเงินจำนวนนี้สามารถใช้กอบกู้เอกราชในดินแดนบางส่วน และรักษาอำนาจอธิปไตยไว้ได้จนทุกวันนี้ ประชาชนชาวไทยและรัฐบาล จึงพร้อมใจกันประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์ ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ หน้าวัดราชนัดดาราม
|