บรรยากาศการค้าขาย ธุรกิจร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทาน ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เงียบเหงา ยอดจำหน่ายลดลง หลังประกาศเป็นจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม
บรรยากาศการค้าขาย ธุรกิจร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทาน ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เงียบเหงา ยอดจำหน่ายลดลงมาก หลังจังหวัดเพชบูรณ์
เป็น 1 ใน 29 จังหวัด ที่ ศบค.ประกาศให้เป็นจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ต้องปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไปนั้น
ส่งผลให้บรรยากาศในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะในตัวเมือง ค่อนข้างเงียบเหงา ปริมาณรถสัญจรไปมา น้อยกว่าในช่วงปกติเป็นอย่างมากแม้กระทั่งในช่วงเวลากลางวันของวันทำงาน ทำให้การค้าขายของร้านต่างๆโดยเฉพาะร้านอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทานในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ค่อนข้างเงียบเหงา เจ้าของสถานประกอบการร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทาน หลายราย โดยจากการสอบถามพูดคุยกับเจ้าของร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทาน ต่างบอกว่าในแต่ละวันลูกค้ามาซื้อของไปทานน้อย ค่อนข้างเงียบเหงา จำนวนลูกค้าลดลงไปจากเดิมมาก ทำให้ยอดขายในแต่ละวันลดลง มากกว่าที่เคยเป็น
โดยเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อแห่งหนึ่ง เป็นร้าน 1 คูหา ตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนนิกรบำรุง ปากทางเข้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ในตัวเมืองเพชรบูรณ์ เปิดขายระหว่างเวลาประมาณ 09.00 -15.00 น. กล่าวว่า ทางร้านได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน COVID- 19 อย่างเคร่งครัด โดยให้ลูกค้าซื้อใส่ถุงไปทานที่บ้าน โดยมีบริการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า สามารถโทรสั่งก๋วยเตี๋ยวได้ล่วงหน้า แล้วค่อยมารับในภายหลัง เพื่อจะได้ไม่เสียเวลามาคอยหน้าร้านนาน และลดการเผชิญหน้ากัน โดยระยะนี้ยอดขายของทางร้านลดลงประมาณ 50% ลูกค้าหายไปครึ่งนึง เงียบมาก ขายไม่ดี รถบนท้องถนนวิ่งน้อยลง ที่จอดรถริมทางเท้าหน้าร้านโล่งและว่าง โดยปกติก่อนหน้านี้ที่จอดรถจะเต็มไม่ค่อยมีที่จอด ตนเองจึงได้ลองขี่รถไปตระเวนดู ตามร้านอื่นๆในตัวเมืองเพชรบูรณ์ พบว่าเงียบเหงาเช่นกัน ไม่เฉพาะร้านของตนเอง
ส่วนเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ที่ตั้ง อยู่ในซอย ตรงข้ามประตูเข้าค่ายพ่อขุนผาเมืองด้านมณฑลทหารบกที่ 36 ซึ่งเป็นซอยแยกจากถนนสระบุรี-หล่มสัก ไปเชื่อมเส้นทางไปตำบลชอนไพร เล่าว่า ทางร้าน เปิดขายตั้งแต่ช่วงสายๆไปจนถึงประมาณ 16.00 น. ทางร้านยินดีปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัดอย่างเข้มงวด โดยช่วงนี้ยอดขายก๋วยเตี๋ยวของทางร้าน ลดลงจากเดิมประมาณ 90% แม้ว่าร้านตนเองจะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งก็ตาม มีลูกซื้อกลับไปทานน้อย ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน และทั่วไป ในส่วนของคนทำงานอาจมีการทำงานที่บ้าน ไม่ออกนอกบ้าน หรือบางคนอาจเตรียมอาหารง่ายๆ จากที่บ้าน ใส่กล่องมารับประทานที่ทำงาน เนื่องจากหวาดกลัวโรค COVID- 19 ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ยอดจำหน่ายก๋วยเตี๋ยวของทางร้าน น้อยลงมาก
ส่วนร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ตำบลห้วยสะแก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ริมถนนหมายเลข 21 หรือถนนสระบุรี-หล่มสัก ด้านขาล่องเข้า กทม. เปิดขายตั้งแต่ช่วงสายๆ จนถึงเย็น ขายทั้งก๋วยเตี๋ยวและอาหารจานเดียว เจ้าของร้านเล่าว่า ช่วงนี้เงียบมาก จำหน่ายใส่ถุงหรือใส่กล่องแต่เพียงอย่างเดียว กลุ่มลูกค้าหลักของทางร้านคือ กลุ่มคนทำงานและผู้ที่เดินทางผ่านไปมา ยอดขายลดลงมาก รายได้ของทางร้านน้อยลง แต่ต้นทุนสูงขึ้นจากภาชนะที่ใสอาหารสำหรับคนเดินทาง เพราะนอกจากร้านจะขายแบบใส่ถุงและใส่กล่องแล้ว ยังมีภาชนะที่ปลอดภัยซึ่งไม่ใช่โฟม ใส่อาหารจานเดียวหรือก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าที่ต้องการ โดยสามารถนำไปนั่งทานในรถ ในระหว่างเดินทางได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งต้นทุนของภาชนะแบบนี้ ตกใบละ 2 บาท แต่ทางร้านยังคงขายอาหารในราคาเดิม โดยหวังว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ จะได้ทำมาค้าขายได้ปกติ เศรษฐกิจถึงจะดีขึ้น
________________
เพลินจิต สวนศิลป์พงศ์ : ข่าว/ภาพ
สวท เพชรบูรณ์
|