เรื่อง ๕ มิติ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืน
ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน และส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมาก เนื่องจากประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอจึงต้องไปกู้หนี้นอกระบบ ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมาซึ่งปัญหานี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและพยายามแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดให้การแก้ไขหนี้นอกระบบเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล
จากฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ รอบการสำรวจปี ๒๕๕๙ ของกระทรวงการคลัง มีผู้มาลงทะเบียนจำนวนเกือบ ๗ ล้านราย ซึ่งพบว่าเป็นผู้มีหนี้นอกระบบจำนวน ๑ ล้านกว่าราย คิดเป็นร้อยละ ๑๙ ของผู้มาลงทะเบียนทั้งหมด และมีมูลค่าการเป็นหนี้นอกระบบสูงถึงประมาณ ๘๖,๐๐๐ ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าหนี้เฉลี่ยประมาณ ๖๔,๐๐๐ บาทต่อราย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของประชาชนผู้มีรายได้น้อยโดยออกมาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการให้สินเชื่อผ่านกองทุนหมู่บ้าน โครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยและสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจฐานราก
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืนนั้น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาทั้งในส่วนของลูกหนี้และเจ้าหนี้ควบคู่กันไปอย่างเป็นระบบครบวงจรและต่อเนื่อง ประกอบด้วย ๕ มิติ ดังนี้
มิติที่ ๑ การดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมายโดยได้มีพระราชบัญญัติห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งเพิ่มโทษกับเจ้าหนี้นอกระบบเพื่อกำจัดเจ้าหนี้นอกระบบให้หมดไปจากประเทศไทย
มิติที่ ๒ การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบให้กับลูกหนี้นอกระบบและประชาชนทั่วไป โดยสนับสนุนให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาเป็นเจ้าหนี้ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายผ่านการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจนาโนไฟแนนซ์และพิโกไฟแนนซ์ซึ่งกระทรวงการคลังได้ใช้โอกาสในงานมอบใบอนุญาตการประกอบธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่มแรกที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว จำนวน ๖ ราย อีกทั้งธนาคารออมสินและธ.ก.ส. ได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจเพื่อรับผิดชอบในการให้คำปรึกษาเรื่องการแก้ไขหนี้นอกระบบและจัดให้มีสินเชื่อแบบใหม่เพื่อทดแทนหนี้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม โดยธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. จะให้สินเชื่อแก่ผู้ที่ต้องการเงินฉุกเฉินรายละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทคิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ ๐.๘๕ ต่อเดือนหรือคิดเป็นร้อยละ ๑๘.๘๓ ต่อปีโดยไม่นำการตรวจเครดิตบูโรมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาสินเชื่อวงเงินสินเชื่อทั้งหมด ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
มิติที่ ๓ การลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้โดยภาครัฐได้จัดให้การไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ผ่านคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ซึ่งมีอยู่ในทุกจังหวัดจัดให้มีจุดให้คำปรึกษาหนี้นอกระบบที่ธนาคารออมสินและธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ได้อย่างทั่วถึง
มิติที่ ๔ การเพิ่มศักยภาพของลูกหนี้นอกระบบโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ความรู้ทางการเงิน ให้ความรู้ด้านการประกอบอาชีพและการพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อให้ลูกหนี้มีรายได้ที่เพียงพอและไม่ต้องเป็นหนี้ซ้ำอีก
มิติที่ ๕ การร่วมมือกันอย่างบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยพัฒนาเครือข่ายองค์กรการเงินชุมชนให้ทำหน้าที่ทดแทนเจ้าหนี้นอกระบบการให้หน่วยงานของรัฐธนาคารออมสินและธ.ก.ส. ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานพี่เลี้ยงและสนับสนุนเงินทุนให้กับองค์กรการเงินชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและการให้หน่วยงานต่างๆร่วมกันทำหน้าที่ให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนในชุมชนรวมทั้งการจัดทำฐานข้อมูลหนี้นอกระบบเพื่อใช้ประโยชน์ในการกำหนดนโยบายที่เหมาะสมและตรงเป้าหมายในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทรสายด่วน ๑๓๕๙
โดย เพ็ญกมล ประเสริฐกุล
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|