เรื่อง กระทรวงคมนาคมชี้แจงรถไฟไทย-จีน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่อง มาตรการเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วง กรุงเทพฯ-นครราชสีมาหรือรถไฟไทย-จีน ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อลดอุปสรรคระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการดังกล่าว สำหรับแผนการ ลงนามเซ็นสัญญากำหนดเดือนกรกฎาคม และเริ่มก่อสร้างเดือนกันยายนปีนี้ ทั้งนี้ จะเวนคืนบ้านเรือนประชาชนเพียงเล็กน้อย เริ่มดำเนินการช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมาก่อน และจะดำเนินโครงการช่วงนครราชสีมา-หนองคายต่อไป
โครงการนี้เป็นความร่วมมือรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) เพื่อสานความสัมพันธ์และเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่าง 2 ประเทศ มีวัตถุประสงค์ 2 ด้านคือ.- -ด้านการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยว ลดระยะเวลาเดินทางจากจีน มาลาวมาไทยได้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวประชาชน 3 ประเทศรวมถึงนักท่องเที่ยวชาติอื่น และเกิดประโยชน์กับการสร้างเมือง การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ 2 ข้างทางรถไฟ
-ด้านการขนส่งสินค้า เพราะรถไฟมีต้นทุนถูกรองจากการขนส่งทางน้ำ ช่วยลดทั้งต้นทุนและย่นระยะเวลาขนส่ง อีกทั้งเส้นทางรถไฟสายนี้จะเชื่อมต่อไปท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุด ทำให้ใช้ประโยชน์ท่าเรือได้เต็มประสิทธิภาพ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม หรือ One Belt One Road ของจีน
ในด้านการเชื่อมโยง เป็นวาระของทุกประเทศในภูมิภาคนี้เพื่อให้ได้ต้นทุน ถูกกว่าและความเร็วที่มากกว่า นายอาคมยังชี้แจงว่า ด้วยเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างประเทศเพื่อสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง 2 ประเทศ และจัดตั้งคณะกรรมการทำงานร่วมกัน ศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมของโครงการ รถไฟความเร็วสูงทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การพัฒนาเมือง อีกทั้งเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายประชากร เนื่องจากการคมนาคมขนส่งสะดวกได้สำรวจและออกแบบมาตั้งแต่ปี 2559 จากการศึกษาเส้นทางรถไฟกรุงเทพฯ-หนองคายใช้เวลามาก จึงแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ กรุงเทพฯ-นคราชสีมา และนครราชสีมา-หนองคาย เป็นที่มาการทำโครงการช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมาก่อน ซึ่งทางจีนได้เห็นพ้องต้องกัน
จากการหารือในรายละเอียด มูลค่าโครงการช่วงแรกกรุงเทพฯ-นครราชสีมา จำนวนทั้งสิ้น 179,412 ล้านบาท โครงการแรกนี้แบ่งเป็น 2 รายการ คือ.-
รายการก่อสร้าง และระบบราง รวมถึงอาณัติสัญญาณและรถไฟ รถไฟสายนี้วิ่งด้วยความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งไทยยังไม่มีเทคนิคนี้ต้องให้ทางจีนเป็นผู้ออกแบบพร้อมกับแบ่งงานกันคือ การก่อสร้างใช้ผู้รับเหมาไทยและใช้วัสดุภายในประเทศมากที่สุด เพราะคนไทยสามารถผลิตเองได้ จึงมีสัดส่วนการทำงานในโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา 75 เปอร์เซ็นเป็นงานก่อสร้าง อีก 25 เปอร์เซ็นต์เป็นงานระบบราง อาณัติสัญญาณ และรถไฟ ซึ่งส่วนหลังนี้ต้องใช้รถไฟจากจีนแน่นอน ขณะที่งานก่อสร้างจะใช้ผู้รับเหมาและวัสดุอุปกรณ์ในไทย เมื่อศึกษา สำรวจ และออกแบบจนได้มูลค่าโครงการแล้ว ต้องมีการจัดทำสัญญาเพราะเป็นโครงการระหว่างรัฐต่อรัฐ ไทยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นเจ้าของโครงการ ส่วนทางจีนมีสภาพัฒนาเศรษฐกิจและปฏิรูปแห่งชาติของจีน หรือ NDRC ซึ่งมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจจีนทำหน้าที่ออกแบบ สร้างทางรถไฟ และผลิตรถไฟ จึงเป็นที่มาการแบ่งสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐออกเป็น 2 สัญญาใหญ่ ได้แก่ สัญญาก่อสร้างและสัญญาระบบราง
สัญญาก่อสร้าง แยกเป็น 3 สัญญาย่อย ได้แก่ สัญญาการออกแบบ ซึ่งขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการร่างสัญญาการออกแบบ, สัญญาที่ปรึกษาควบคุมงาน และสัญญาระบบรถไฟกับระบบราง ส่วนการถ่ายโอนเทคโนโลยีนั้นทางจีนยินดีถ่ายทอดให้ ขณะนี้มีการส่งสถาปนิกและวิศวกรจำนวน 250 คนไปอบรมที่ประเทศจีนเพื่อเรียนรู้วิธีการก่อสร้าง เดินรถบำรุงรักษา การดำเนินโครงการดังกล่าวจะทำอย่างรอบคอบ โดยสิทธิ์ของประเทศไทยที่คงไว้ เช่น สิทธิ์สองข้างทาง สิทธิ์การพัฒนาสถานี การก่อสร้างต้องใช้ผู้รับเหมาไทย วัสดุก่อสร้าง ใช้ในไทยมากที่สุด ไม่นำแรงงานจีนมาก่อสร้างในไทยยกเว้นงานฝีมืออย่างวิศวกรและสถาปนิก พนักงานขับรถไฟต้องเป็นคนไทย เป็นต้น.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|