เรื่อง คณะกรรมการขับเคลื่อนและประสานการลงทุน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลเตรียมตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและประสานการลงทุนขึ้นมาใหม่ อีก 1 ชุด เพื่อดูแล นักลงทุนแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (วัน สต็อปเซอร์วิส) และขจัดปัญหาอุปสรรคในการลงทุนทางด้านกฎหมายและข้อระเบียบต่าง ๆ แก่นักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนทำธุรกิจ ในประเทศไทย
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเป็นการทำงานแบบบูรณาการ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน มีรัฐมนตรีหรือตัวแทนจากกระทรวงต่าง ๆ โดยมีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นฝ่ายเลขา คณะกรรมการชุดนี้จะไม่ซ้ำซ้อนกับบีโอไอและสำนักงานอีอีซี แต่จะเป็น การหนุนส่งเสริมให้ดีขึ้น เพราะบีโอไอมีอำนาจในการให้สิทธิประโยชน์ และสำนักงานอีอีซี มีอำนาจในการอำนวยความสะดวกปลดล็อกใบอนุญาตต่าง ๆ
แต่บางครั้งยังมีข้อกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่อยู่นอกเหนืออำนาจของ บีโอไอและอีอีซีทำให้เกิดอุปสรรค จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ที่จะเข้าไปช่วยเพื่อให้การลงทุนคล่องตัวขึ้น ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทขนาดใหญ่เกิดใหม่หลายแห่ง มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท หลายรายสนใจเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทย แต่กฎหมายไทยยังไม่รองรับธุรกิจเหล่านี้ ทำให้กลายเป็นข้อจำกัดในการลงทุน เมื่อกฎหมายมีการปรับปรุงและยอมรับในธุรกิจเหล่านี้ เช่น การลงทุนสกุลเงินดิจิทัล (คริปโทเคอเรนซี) การระดมทุนผ่าน เงินสกุลดิจิทัล (ไอซีโอ) การทำสวนป่า ธุรกิจแกร็บแท็กซี่ แกร็บไบค์ เป็นโอกาสของไทยที่จะเปิดรับการลงทุนกลุ่มนี้ นอกจากนี้ ในอนาคตอาจจะมีการลงทุนจากกลุ่มสตาร์ทอัพ เช่น ธุรกิจแอพพลิเคชั่นจองที่พักอย่าง Airbnb หรือบริษัทแอร์บัสที่กำลังทดลองทำเครื่องบินแท็กซี่ สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า นักลงทุนจีนถือเป็นนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายสำคัญ โดยบีโอไอมีสำนักงานในจีน ถึง 3 แห่ง เพื่อเข้าถึงนักธุรกิจจีนทุกพื้นที่และจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โครงการลงทุนจีนที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน มีมูลค่ากว่า 5.6 หมื่นล้านบาท.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|