ทุเรียนกระดุมเนื้อหอมยอดส่งออกเต็มแต่คนไทยไม่นิยม
พาไปเข้าสวนทุเรียน พันธุ์กระดุม ที่ปริมาณพื้นที่ปลูกลดน้อยลง เพราะชาวจันท์ไม่นิยมรับประทาน เพราะผลเล็ก เนื้อน้อย เมล็ดใหญ่
แต่ในปีนี้กลับไปรับความนิยมจากต่างประเทศสูงขึ้น ทำให้มีราคาสูงกว่าทุเรียนหมอนทอง ติดตามกับคุณจินตนา กุศล ผู้สื่อข่าว
ทุเรียนพันธุ์โบราณ เนื้อละเอียด สีเนื้อเหลืองเข้ม ผลทรงกลม ค่อนข้างเล็ก กลิ่นหอมอ่อนๆไม่รุนแรง มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ คือหวานมัน แต่ข้อด้อย ของทุเรียนกระดุมทอง คือ ชิ้นเนื้อละเอียดไม่หนามาก เม็ดใหญ่ และเมื่อ สุกงอม รสชาติจะหวานอมขม ชาวจันทบุรีไม่นิยมรับประทาน ในปีการผลิตนี้ เกษตรอำเภอขลุงได้สำรวจราคาผลไม้ พบว่าทุเรียนพันธ์กระดุมทอง มีราคาสูงขึ้น ราคากิโลกรัมละ130-135 บาท จากปกติทุเรียนกระดุมราคากิโลกรัม 60-70บาท
ทั้งที่ทุเรียนพันธ์กระดุมทองที่นิยมปลูกกันมากในอำเภอขลุง ที่ให้ผลผลิตแล้วจำนวน 5,200ไร่ สามารถสร้างรายได้ให้ชาวสวนทุเรียนกระดุมเป็นเม็ดเงินจำนวนถึง 800กว่าล้านบาท วนภรณ์ เจริญใจ เกษตรอำเภอขลุง ด้านเจ้าของสวนทุเรียนกระดุม ในพื้นที่ตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ในปีนี้เป็นครั้งแรก ที่สามารถขายทุเรียนกระดุม ได้ราคา สูงกว่า ทุเรียนหมอนทอง โดยมีพ่อค้าจากล้งมารับซื้อ เพื่อส่งไปขายประเทศจีนโดยตรง ทั้งนี้มีการติดต่อ ตกลงซื้อกันล่วงหน้าก่อนเห็นผลผลิต ทุเรียนกระดุมทองมีพื้นที่ปลูกลดลง ต่างจากหมอนทอง แต่กลับมีความต้องการจากต่างประเทศสูงขึ้น โดยพ่อค้าชาวจีนให้ความเห็นว่า ทุเรียนผลเล็กๆ ประมาร 2-3 กิโลกรัม แกะเปลือกออกง่ายสะดวกในการรับประทาน ด้านรสชาติก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน อยู่ที่ความชอบ
มานพ อมรอรช เจ้าของสวนทุเรียน กล่าวว่า ทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ มีความแตกต่างกัน หากต้องหา โดนใจสายพันธุ์ไหนแล้ว ควรศึกษา เพื่อที่จะเลือกช่วงเวลารับประทานได้พอเหมาะ รสชาติหวานอร่อยตามที่ต้องการ อย่างเช่น ทุเรียนพันธ์กระดุม มีอายุการเก็บผลผลิตหลังดอกบาน ในระยะเวลาเพียงแค่ 90-100 วัน หมอนทองระยะการเก็บผลผลิตได้ระหว่าง 140-150 วัน หากเลยระยะทางแก่จัดไปแล้วเนื้อจะเละและความหวานลดน้อย หรือถ้าหาก สายทุเรียนเลิฟเว่อร์ ที่ชอบรับประทานทุเรียน เนื้อห่ามๆ ที่ผู้ขาย หรือชายสวน จะเข้าใจตรงกันว่า หมายถึงทุเรียน ที่เมื่อใช้นิ้วกดไปที่ผิวเนื้อจะมีความนุ่ม แต่ไม่เละ ไม่ติดนิ้วมือ เมื่อหยิบขึ้นมาทานก็จะไม่ติดมือ ไม่ใช่ทุเรียนที่แข็ง ทานแบบกรอบนอก นุ่มใน
