(9 ตค.62) ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ 1166 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลตำรวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบารากู่และบุหรี่ไฟฟ้า โดยชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ. ร่วมกับ สน.พลับพลาไชย 1 และ สน.เพชรเกษม
ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานของรัฐเร่งรัดและกวดขันการลักลอบจำหน่ายบารากู่และบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าอันตรายต่อผู้บริโภค
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่าน (5 ต.ค.62) ชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นำโดย พลตำรวจตรีญาณพงศ์ โสมาภา ผู้บังคับการกองสารนิเทศ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ. พันตำรวจเอก ประทีป เจริญกัลป์ รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการฯ พันตำรวจเอก ชัชวาล ทิพย์พิชัย ผู้ช่วยหัวหน้าชุดปฏิบัติการฯ พันตำรวจโท วัชรพัฒน์ เรืองอัครนนท์ ชุดปฏิบัติการฯ และนายฐิตินันท์ สิงหา ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก ร่วมกับ พันตำรวจเอกวิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สน.พลับพลาไชย 1 นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย ลงพื้นที่ตรวจยึดจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย ณ ย่านคลองถมเซ็นเตอร์
จากการ เข้าตรวจ 15 ร้าน พบผู้ต้องหาคนไทย 7 คน คนต่างด้าว 3 คน และพบของกลางจำนวนมากอาทิ
(1) บุหรี่ไฟฟ้า 566 ตัว
(2) น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า 5,158 ขวด
(3) อุปกรณ์ 1,362 ชิ้น
(4) หัวบุหรี่ไฟฟ้า 402 หัว
(5) กล่องพัสดุพร้อมส่ง รวมมูลค่าของกลางกว่า 12 ล้านบาท จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในฐานะเป็นผู้ขายหรือเสนอหรือชักชวนให้มีการขาย ซึ่งสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
การจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในหลายๆ ครั้ง ที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ. ร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ลงพื้นที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด รวมทั้งการลักลอบจำหน่ายสินค้าอันตรายดังกล่าวผ่านระบบออนไลน์อย่างเข้มข้น จริงจัง เพื่อให้ผู้ลักลอบจำหน่ายหลาบจำและเกรงกลัวต่อกฎหมาย
บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าต้องห้าม บุคคลที่มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในความครอบครอง ถือว่ามีความความผิดทั้งผู้นำเข้า ผู้ขายและผู้ใช้ เมื่อเจ้าหน้าที่พบเห็นความผิดซึ่งหน้าสามารถเข้าจับกุมได้
-กรณีเป็นผู้นำเข้ามีโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่า ของสินค้าที่นำเข้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
-กรณีจำหน่ายจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-ส่วนกรณีผู้สูบหรือมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง ถือว่ามีความผิดในฐานครอบครองสิ่งที่นำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ
|